กลุ่มผู้ปกครอง ขู่คว่ำบาตร ศูนย์เด็กฯ หากไม่เปลี่ยนครูดูแลยกชุด และเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัย หลังเปิดเทอมไม่ถึงเดือน เด็กหลุดออกมาบ่อย จนมีเด็กตกน้ำเสียชีวิต
จากกรณีเกิดเหตุเด็กหญิงวัย 3 ขวบ จมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำกลางทุ่งห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ จังหวัดศรีสะเกษ โดยทางแพทย์ชันสูตรว่า น้องจมน้ำเสียชีวิต หลังจากนั้น ทางครอบครัวของน้องได้นำร่างส่งต่อที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการชันสูตรอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ร่างของน้องอยู่ระหว่างประกอบพิธีทางศาสนา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางพูดคุยกับ หญิงอายุ 50 ปี ซึ่งเป็นย่าของเด็กที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของน้องที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเปิดเรียนวันแรก ตนได้รับแจ้งจากคุณตาภายในหมู่บ้านว่า เห็นหลานตนออกมาจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และบ่นกับตาว่า หิวน้ำ ตาจึงพาไปดื่มน้ำและพาไปส่งครูที่ศูนย์ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่เอะใจอะไร แต่หลังจากทราบจากชาวบ้านว่า หลานออกมาจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รวม 3 ครั้ง ภายในวันเดียว และครั้งสุดท้ายตนเห็นด้วยตาว่าหลานออกมาจากศูนย์เดินเกือบถึงถนนใหญ่ จึงเข้าไปอุ้ม และแจ้งให้ทางครูมารับ แต่ปรากฏว่า ครูให้คำตอบว่า กำลังทานข้าวอยู่ เสร็จแล้วเดี๋ยวจะมารับ ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งแรกทำให้ตนถอดใจ ถึงขนาดที่จะไม่ให้หลานไปเรียนที่นั่นต่ออีก
และจากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่หลานออกมาเช่นนี้อีก ด้วยความโมโหตนจึงแชตลงกลุ่มไลน์ผู้ปกครอง ว่า ทำไมถึงปล่อยให้หลานของตนออกนอกศูนย์ฯ บ่อยเช่นนี้ ถ้าหลานของตนเป็นอะไร จะรับผิดชอบอย่างไร ครูก็ได้ตอบกลับมาว่า เห็นน้องเดินออกไปอยู่ แต่อยากรู้ว่าน้องจะเดินไปไกลแค่ไหน
ซึ่งจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนมองว่า ครูนั้นปล่อยปละ ไม่มีความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นทั้งสิ่งแวดล้อม รั้วกั้น กล้องวงจรปิด ไม่มีระบบป้องกันให้เด็กปลอดภัย และครูก็ทราบว่าไม่มีระบบความปลอดภัยภายในศูนย์ฯ แต่กลับไม่เอาใจใส่เด็ก
ตอนนี้ตนกับผู้ปกครองคนอื่นๆ ได้พูดคุยกันแล้วว่า จะไม่เอาลูกหลานไปเรียนที่ศูนย์แห่งนี้อีก ถ้าไม่มีระบบดูแลรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่านี้ และเปลี่ยนครูดูแลเด็กชุดปัจจุบันออก