นักธุรกิจสาวเครียด ถูกชาวจีนเช่าพูลวิลล่าไปเปิดห้องพักแบบผิดกฎหมาย บอกเลิกสัญญาก็ไม่ยอมออก แถมยังเรียกเงินหลักล้าน

หญิง อายุ 40 ปี นักธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานคลิปวิดีโอทั้งจากในมือถือและกล้องวงจรปิดร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ระบุว่าได้รับความเดือดร้อน หลังจากตัดสินใจซื้อบ้านพูลวิลล่า ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยมีสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิมติดพ่วงมาด้วย แต่ภายหลังกลับพบว่าผู้เช่าซึ่งเป็นชาวจีนนำบ้านไปเปิดให้บริการแบบรายวันผ่านแอปพลิเคชัน โดยไม่มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับพบว่ามีการละเมิดสัญญาเช่าด้วยการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้านและสูบบุหรี่ในบ้าน ตนจึงให้ทนายความบอกเลิกสัญญา เนื่องจากละเมิดสัญญาเช่ามาแล้วถึงสองครั้ง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ยอมออกไปจากบ้าน  

หญิงคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตอนซื้อมาจากเจ้าของเดิมทราบอยู่แล้วว่ามีสัญญาเช่าติดพ่วงมาด้วย เป็นสัญญาเช่า 36 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 -  31 ตุลาคม 2570 ค่าเช่าเดือนละ 120,000 บาท ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่หลังจากซื้อมาแล้วมาทราบภายหลังว่าผู้เช่าได้นำบ้านไปเปิดให้เช่ารายวัน จึงขอหลักฐานใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้อง เนื่องจากตนเป็นเจ้าของบ้านรายใหม่ เกรงว่าจะมีผลกระทบทางกฎหมาย แต่ก็ไม่มีมาแสดงให้ดู  

ต่อมาตนได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนทราบว่าผู้เช่ารายนี้ไม่ได้มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้อง โดยที่ผ่านมามีลูกค้าต่างชาติเข้ามาพักเป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนบ้านย่านใกล้เคียงแจ้งว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาพัก หลายครั้งที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ 10-20 คน มีรถตู้และรถโดยสารเข้ามาส่งประจำ ทำให้กีดขวางการจราจร รวมไปถึงในตอนกลางคืนก็มีการจัดปาร์ตี้ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน โดยที่ทางผู้เช่าที่เป็นคนจีนรายนี้ไม่ได้มีการควบคุมผู้เข้าอยู่แต่อย่างใด

สาเหตุที่ตัดสินใจนำเรื่องนี้มาร้องเรียน เพราะต้องการให้หน่วยงานงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข ปัญหา เพราะที่ผ่านมาตนเคยไปร้องเรียนกับทางหน่วยงานหนึ่งและมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบจนมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ในความผิดประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่หลังจากโดนจับกุมผู้เช่าคนจีนรายนี้ก็ยังกลับมาประกอบธุรกิจแบบเดิม แม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งเตือนแล้วหลายครั้ง

ที่ผ่านมาตนได้เจรจาและให้ทนายความทำหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญากับผู้เช่าและขอให้ออกจากบ้านไปแล้วหลายครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมาร่วม 5 เดือน ก็ยังไม่ยอมออกและยังคงมีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องส่งเสียงดังในยามวิกาล  ตนต้องเดือดร้อน เนื่องจากเป็นเจ้าของบ้านและชาวบ้านก็เข้าใจว่าตนเป็นคนทำธุรกิจปล่อยเช่าเอง จนถึงตอนนี้ทางคู่กรณีก็ยังไม่ยอมออกทั้งที่บอกเลิกสัญญาไปแล้ว  ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

หญิงคนดังกล่าว บอกอีกว่า ตอนแรกซื้อบ้านมาก็ตั้งใจให้เช่าไปจนครบสัญญา แต่เมื่อพบมีการผิดสัญญาจึงบอกเลิกและตัดสินใจเข้าไปอยู่เอง แต่ถึงวันนี้ตนก็ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ เพราะแม้จะพยายามเจรจากันอย่างไร แต่ทางคู่กรณีก็ยังไม่ยอมออก แถมคู่กรณียังเรียกร้องค่าชดเชยมาเป็นหลักล้านบาท ซึ่งตนมองว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่อยากที่จะตกลงด้วย  ตนต้องได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่เกิดขึ้น อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในลักษณะเช่นนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีกและเกรงว่าจะเป็นช่องทางในการหาเงินแบบผิดกฎหมายด้วย