รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจากนายโจ ชาวตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ที่ร้องว่า ถูกแม่เลี้ยง และลูกติดของแม่เลี้ยง วางแผนหักหลัง จนทำให้ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรียึดเงินจำนวน 400,000 บาท และยังถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนถูกกดเงินในบัญชีธนาคารของเขาจนเกือบหมดเหลือแค่ 15 บาท และยังมีทรัพย์สินอื่นๆ รวมทั้งสร้อยคอทองคำเลสข้อมือทองและแหวนทองจำนวน 5 บาท มูลค่ากว่า 250,000 บาท ถูกนำไปด้วย
นายโจ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เขาเคยติดไปคุกในข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” ต้องจ่ายค่าเสียหายจากการที่ไก่ชนของเขาตายไป พร้อมถูกแจ้งข้อหาและจำคุก 1 ปี โดยก่อนนั้นได้มรดกจากพ่อ ที่ดิน 1 ไร่ 1 งาน ตอนนั้นพ่อเสียไปแล้ว ย่ากับพี่ชายยังอยู่ เขาก็ยังดูแลบ้านหลังนี้ แต่พออย่าเสียชีวิต แม่เลี้ยงที่ โจ เรียกว่า “มะ” พาลูกติดชื่อ “เต๋า” เข้าไปอยู่ในบ้าน แล้วพอโจพ้นโทษออกมา จะเข้าไปอยู่ในบ้าน ต้องไปแจ้งความกับตำรวจก่อน ถึงจะเข้าบ้านได้ เพราะมะไม่ให้เข้าตอนแรก
ช่วงที่ติดคุกอยู่ ทราบว่า แม่เลี้ยง ไปยื่นเรื่องเป็นผู้จัดการมรดก หลังจากพ่อเสียชีวิต โดยที่พอตนออกจากเรือนจำมาแล้ว มะ มาบอกว่า ไหนๆ ก็ออกจากเรือนจำมาแล้ว ไม่มีเงินใช้ น่าจะเอาบ้านไปจำนองนะ จะได้เอาเงินมาใช้ตั้งตัวก่อน จำนอง 5 ล้านบาท เงินบางส่วนหักไปเป็นดอกเบี้ยล่วงหน้า ได้เงินสดมาจริงๆ คือ 3.9 ล้าน โดยชื่อคนจำนองคืนโจ โจได้ส่วนแบ่งมา 1.3 ล้าน โอนให้แม่เลี้ยงไป 2.6 ล้าน ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายที่เอาไปเป็นค่าโอน
รอบสอง รอบล่าสุด เอาไปจำนองอีกรอบ ยอด 11 ล้านบาท เอาส่วนต่างไปปิดหนี้เก่า 5 ล้าน ส่วนต่าง 6 ล้าน เอามากระจายแบ่ง โจได้ 2 ล้าน เต๋าได้ 2 ล้าน อีก 2 ล้านเป็นส่วนแบ่งนายหน้า เงินปากถุง แม่เลี้ยงก็ได้ไป โจยอมรับว่าเอาเงินที่ได้ไป ไปซื้อปืนถูกกฎหมายมาเก็บไว้ 1 กระบอก
ต่อมามีเรื่องกับบุคคลที่ 3 ชื่อ นางอุ๋ย เป็นคนในละแวกบ้าน โจมาจับได้ว่า นางอุ๋ยพยายามจะปลอมลายเซ็นของโจ เพื่อจะขายบ้าน แต่ตนไปห้ามไว้ทัน เลยเข้าไปต่อว่า ว่าป้าอุ๋ยทำแบบนี้ไม่ได้นะ โจบอกว่ามารู้ทีหลังว่า บ้านหลังนี้ ราคาประเมิน 37 ล้านบาท มันถึงเอาไปจำนองได้ถึง 11 ล้าน และยิ่งทำให้แน่ใจว่า ทำไมเขาถึงอยากขายบ้านหลังนี้นัก
วันต่อมา โจกลับมา มาเจอว่าป้าอุ๋ยเข้าไปอยู่ในบ้านของตน โดยที่ตนไม่อยู่บ้าน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรีเข้ามาตรวจค้นบ้าน พร้อมการพบยาเค ซ่อนในรถจักรยานยนต์ของตน ซึ่งมั่นใจว่าถูกยัดยา
ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไปที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ถนนสนามบินน้ำ ก่อนทำการบันทึกจับกุม แจ้งข้อหามีอาวุธปืน และนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว ก่อนเข้าห้องควบคุม ทางสิบเวร ได้ขอให้ตนเองถอดสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทสร้อยข้อมือหนัก 2 บาท แหวนทองคำหนัก 1 บาท รวม 5 บาท และโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่องให้กับญาติซึ่งตอนนั้นมีนายเต๋ากับเพื่อนชื่อ " ปีโป้" อายุ 20 ปี รวมทั้งนางอุ๋ย มารับทรัพย์สินของตนเองไปและบอกให้ตนเองเตรียมเงินประกันตัว 400,000 บาท ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ตนจึงได้โอนเงินให้นายเต๋าไป และมาทราบภายหลังว่าเงิน 400,000 บาทไม่ได้เอาไปประกันตน แต่นายเต๋าและนางอุ๋ย ได้สั่งให้ปีโป้กับเพื่อน นำไปให้ตำรวจชุดสืบสวนนายหนึ่งที่กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี
ปรากฏว่า เงิน 4 แสนนี่ ไม่ได้เอามาประกันตัว กลับถูกนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และยังมีการขอเงินเพิ่มเติมอีก 100,000 บาท จากชายคนหนึ่งที่แอบอ้างเป็นตำรวจในคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่ามียาเสพติด โดยการข่มขู่ให้จ่ายเงินเพิ่ม
ปัจจุบัน นายโจกล่าวว่าเขารู้สึกดีขึ้นที่ทราบความจริงจากเพื่อนและนายเต๋า ซึ่งยอมเปิดเผยว่าเขาถูกหลอก แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและกังวลเกี่ยวกับการกระทำของแม่เลี้ยงและนายเต๋าที่ร่วมมือกับตำรวจในเหตุการณ์นี้ หลังจากนี้เขาวางแผนจะขายบ้านและที่ดินเพื่อนำเงินไปไถ่คืนที่ดินที่ถูกจำนอง และจะไม่แบ่งเงินที่เหลือให้กับแม่เลี้ยงและนายเต๋าต่อไป
ขณะที่รองแต้มบอกว่า จากการสืบสวนทางลับ มีคนมาเล่าว่า ยายอุ๋ย คนนี้ ในพื้นที่เป็นมือเป็นเท้าให้ตำรวจในพื้นที่หากิน พฤติการณ์ที่ปรากฏชัดคือ ตอนที่ตำรวจบุกมาบ้าน ไม่ค้นตัว ไม่ค้นบ้าน มุ่งไปที่รถเลยทันที แล้วเจอยา ซึ่งมีคนบอกว่ายานี้ยายอุ๋ยเป็นคนไปซื้อมา ปริมาณ 5g นั่นหมายความว่า เขาน่าจะรู้กันอยู่แล้ว
แล้วที่คุมตัวโจไปที่ไว้ที่ห้องสืบสวน แล้วแจ้งข้อหาเรื่องอาวุธปืน ไม่ได้แจ้งข้อหายาเสพติด จะอ้างว่าเงิน 4 แสน ไปกดเงินมาประกันตัว มันใช่ที่ไหน ในเมื่อประกันตัวมันต้องไปทำเรื่อง ต้องเซ็นกันให้ถูกต้อง ไม่ใช่แอบเอาเงินใส่ซองแอบไปยื่นกันข้างตึกสืบแบบนี้ เงิน 4 แสนที่ว่า ชัดแล้วว่าเป็นการเรียกรับ ไม่ใช่ประกันตัวแน่นอน
โดยตลอดเวลาที่ถูกควบคุมตัว ตำรวจบอกว่า ให้โจถอดแก้วแหวนเงินทองที่ติดตัวมา สร้อยคอทองคำ ข้อมือทองคำ แหวนทองคำ เอาออกฝากให้ญาติไว้ทั้งหมด ซึ่งญาติที่ว่าก็คือ เต๋า กับ ป้าอุ๋ย และ ปีโป้ โดยโจโอนเงินให้ปีโป้ไปเพิ่มอีก 1 แสน ให้ปีโป้เอาไปสำหรับประกันตัวเพิ่มอีก โดยฝากมือถือไว้กับปีโป้ และบอกรหัสทุกอย่างไว้
ปีโป้บอกว่า มือถือของโจอยู่กับตนจริง ป้าอุ๋ยเป็นคนสั่งให้ปีโป้โอนเงินออกจากบัญชีของโจ มาอีก 6 แสนบาท โอนเข้าบัญชีของปีโป้แล้วไปกดเงินสดออกมาทันที ปีโป้ได้ค่ากดเงิน 6 แสนนี้ 2 หมื่นบาท เงินที่เหลือป้าอุ๋ยเอาไป ส่วนทองทั้งหมด นายเต๋าเอาสร้อยคอกับเลสข้อมือเอาไป หนักรวม 4 บาท ส่วนแหวนทอง ป้าอุ๋ยเอาไป ทองทั้งหมด เต๋ากับป๋าอุ๋ย บังคับให้ปีโป้เอาไปขายให้ แล้วเอาเงินมาให้เขา แล้วเขาก็ซื้อทองเส้นเล็กๆ ให้ปีโป้เป็นค่าจ้าง นอกจากนี้ยังมีบุคคลอื่นๆ เช่น นายยัญ ที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ ที่ร่วมมือในเหตุการณ์นี้ ได้เงินค่าจ้าง 5 หมื่นบาท
ต่อมาล่าสุด ยังมีชายแอบอ้างเป็นตำรวจสืบสวน โทรมาบอกว่าจะขออีก 100,000 บาท ในคดียาเสพติดที่ค้นเจอที่รถตนเอง ซึ่งตนก็ยืนยันว่า ตนถูกยัดยา ตนไม่เคยพกหรือไม่เคยใช้ยาเค ตอนนี้ตนไม่มีเงินในบัญชีแล้วจะเอาอะไรอีก แต่ชายคนนี้ก็ไม่สนใจยังคงพูดจาแกมข่มขู่ให้ตนจ่ายเงินอีก 100,000 บาท ตนจึงได้อัดเสียงไว้และกดสายทิ้งในเวลาต่อมา มาตรวจสอบทีหลัง คนที่โทรมาไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นชายมีอายุคนหนึ่ง ที่เคยมาขอซื้อที่ดินกับตน คงคิดว่าตนหลอกได้ เลยพยายามโทรมารีดเอาเงิน
โจบอกว่า ดีใจที่ ปีโป้ กับเพื่อน กลับใจยอมมาพูดความจริงกับตนเองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นมาอย่างไร ที่ผ่านมาไม่คิดว่านายเต๋าลูกติดแม่เลี้ยงคนนี้จะรวมหัวกับนางอุ๋ยและเพื่อนมาวางงานให้กับตนเอง ทั้งๆ ที่ตนเองก็แบ่งเงินที่ได้จากการจำนองให้กับเขาและแม่เลี้ยง
ขณะที่ มะน็อต แม่เลี้ยงของโจ โฟนอินเข้ามายืนยันว่า ที่ตามป้าอุ๋ยมาเซ็นเอกสารอะไรต่างๆ ไม่ใช่เป็นการปลอมลายเซ็นโจ เป็นการเขียนตั้งเรื่องสัญญาซื้อขาย เพราะว่าโจบอกว่าจะขายบ้านได้เมื่อไหร่ เพราะมะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เราก็ไปติดต่อป้าอุ๋ยมาเป็นนายหน้าให้
แต่เรื่องที่เป็นเรื่องทองต่างๆ ที่เต๋าให้ปีโป้เอาทองไปขาย มะบอกว่า เต๋าลูกแม่ไม่ได้เอาเงินไป แม่เคยบอกโจแล้วว่าให้ไปตามเอาเงินคืนจากปีโป้ แต่ปีโป้มีหลักฐานมาโชว์หมด ว่าโอนเงินให้เต๋าลูกชายแม่
โจยิ่งเดือด เพราะมะไม่ยอมรับความจริงทุกอย่าง ปัดให้พ้นตัวลูกชายตัวเอง แม้แต่ตอนที่เต๋าขู่ว่าจะมาไล่ยิงโจ มะก็ไม่ยอมรับ มะก็ยังอ้างอีกว่า ปีโป้พูดจาไม่ตรงความจริง จนทำให้โจแสดงอารมณ์เดือดดาล จนพี่หน่วงต้องคอยห้ามไม่ให้เดือดไปมากกว่านี้
ต่อมามีการโฟนอิน เต๋า ลูกของมะ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างที่เขากล่าวอ้าง แล้วเงินก้อน 4 แสน ที่บอกว่าเอาไปให้ตำรวจ ตำรวจเขาไม่รับ แล้วเขาบอกให้ตนเก็บเอาไว้ แล้วเงินที่ขายทองได้กี่บาทๆ ก็ยังอยู่กับตนครบทุกบาท แล้วที่เขากล่าวหา มีหลักฐานอะไร คนที่บอกว่าเห็นเขาเห็นจริงๆเหรอ แล้วที่บอกว่าตนจะไปยิงโจ ให้อ่านแชตดีๆ ตนพิมพ์ว่าจะยิงแล้วยังหัวเราะต่อท้าย 555 แล้วตนจะไปยิงเขาจริงๆ ได้ยังไง เต๋าไม่ยอมรับว่าวางงานอะไรกับใครทั้งนั้น ใครกล่าวหาก็เอาหลักฐานมา
ส่วนแม่ของปีโป้ ตอนนี้อยู่กับเต๋า ที่โรงพัก ขอพูดกับลูกแม่ ว่าแม่ติดต่อลูกไม่ได้ แม่จึงต้องมาแจ้งความลูกหาย กลัวว่าใครจะเอาลูกไปไหน ทำให้ทั้งหมดต้องคอยอธิบายว่า ปีโป้จะถูกกันไว้เป็นพยาน เพราะถ้าไม่เป็นพยาน ปีโป้โดนดำเนินคดีด้วยแน่นอน เพราะมีส่วนร่วมในการโอนเงินต่างๆ
สุดท้ายเมื่อฝั่ายเต๋า กับ มะ ยืนยันว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้เอา ให้การปฏิเสธทุกอย่าง ทำให้วันนี้ ทางโจ จะไปแจ้งความเอาผิดให้หมด ทั้งเรื่องตบทรัพย์ ลักทรัพย์ ตำรวจที่เรียกรับเงินก็ต้องโดนด้วย เรื่องนี้ลากไปถึงตรงไหนโดนหมดแน่นอน