ผู้ใช้เฟซบุ๊รายหนึ่ง โพสต์คลิปเหตุการณ์ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.อุบลราชธานี นักเรียนชายสวมเสื้อแขนสั้นสีแดง เตะเข้าที่ใบหน้าของนักเรียนชายที่สวมชุดนักเรียน จนสลบคาที่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะดึงเด็กที่ถูกทำร้ายขึ้นมา โดยเจ้าของโพสต์ระบุข้อมูลเบื้องต้นไว้ว่า “หลานชายถูกเตะหลับกลางอากาศ ช่วยหน่อยนะครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ คู่อริเป็นลูกทหาร เหตุเกิดที่ จ.อุบลฯ”
เมื่อเวลา 13.00 น. (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ต.หนองหว้า อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพูดคุยกับครอบครัวของเด็กชาย อายุ 15 ปี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยเด็กชายได้เปิดบาดแผลตามร่างกายให้ผู้สื่อข่าวดู ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหลัง ข้อศอก และริมฝีปาก ซึ่งสามารถเห็นบาดแผลได้ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว
เด็กชาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. เริ่มจากการที่รุ่นน้องมาตบหัวตน ตนจึงตบหัวกลับ วันถัดมา รุ่นน้องได้เรียกตนไปพูดคุย ตนก็ไปคนเดียว โดยเข้าใจว่าอาจจะไปเล่นตะกร้อ เพราะรุ่นน้องได้พาเพื่อนในห้องมาด้วยอีก 2 คน ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย หลังจากนั้นก็ถูกทำร้ายร่างกายตามคลิป รู้สึกเหมือนหมดสติ จำเหตุการณ์ไม่ได้ และมารู้สึกตัวอีกครั้งประมาณ 20.00 น. มีอาการปากแตก เจ็บท้ายทอย มีรอยช้ำบริเวณท้ายทอย ศอกทั้งสองข้าง และแผ่นหลัง
หลังเกิดเหตุ ตนและคู่กรณียังไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด แต่เห็นว่าคู่กรณีโพสต์ในอินสตาแกรมว่า “เงินก็ให้ไปแล้ว ยังเอาคลิปไปลงอีก” ซึ่งตนไม่ทราบว่าอีกฝ่ายพูดถึงเงินอะไร เพราะไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด ทั้งที่พ่อของอีกฝ่ายได้พูดคุยทางโทรศัพท์ บอกว่าจะโอนเงินค่าเยียวยามาให้ จำนวน 10,000 บาท ในวันที่ 28 พ.ค. แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการนัดเจรจาใดๆ
หลังเกิดเหตุ คู่กรณีก็ไม่ได้มาขอโทษ และตนยังคงรู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังเกิดเหตุ ตนได้ไปตรวจร่างกายที่ รพ. แพทย์ระบุว่ามีอาการฟกช้ำตามร่างกายและบาดเจ็บบริเวณท้ายทอย
ชาย อายุ 44 ปี พ่อของเด็กชาย เปิดเผยว่า ตนเป็นฝ่ายติดต่อผู้ปกครองคู่กรณี ตอนแรกอีกฝ่ายไม่ยอมเข้ามาไกล่เกลี่ย อ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดน ขอรอหมายเรียกหรือหมายศาลเท่านั้น แต่ต่อมา ผู้ปกครองคู่กรณีได้ติดต่อกลับมาว่า หากกลับมาจากชายแดนเมื่อใด จะขอเปิดใจพูดคุยอีกครั้ง
ตั้งแต่เกิดเหตุ ยังไม่ได้รับการขอโทษใดๆ จากทั้งตัวนักเรียนที่ก่อเหตุ หรือผู้ปกครองของเด็ก ส่วนทางโรงเรียนก็แจ้งเพียงว่าจะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยคลิปวิดีโอเท่านั้น ไม่มีการติดต่อหรือดูแลเยียวยานักเรียนผู้เสียหายแต่อย่างใด
หลังเกิดเหตุ ลูกชายยังไม่ได้กลับไปเรียน และตนมีแผนจะให้ลูกย้ายมาเรียนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แทน เพราะไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของลูกชาย
ทั้งนี้ ครอบครัวได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ล่าสุดทางคู่กรณีได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยในวันที่ 28 มิ.ย. ที่จะถึงนี้