สาวแชร์คลิปหนุ่มหัวร้อนขับเก๋งปาดหน้า เปิดใจเล่า บีบแตรใส่ เจอหาเรื่อง ทั้งด่า ทั้งบุกดึงกุญแจรถเขวี้ยงทิ้ง ลูกวัย 6 ขวบ นั่งมาด้วยผวา ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
หญิงสาวซึ่งเป็นผู้ใช้รถรายหนึ่งโพสต์คลิปในสื่อสังคมออนไลน์ของจังหวัดเชียงใหม่ แฉพฤติกรรมชายหัวร้อนขับรถปาดหน้า จอดขวางกลางถนน ก่อนจะลงมาต่อว่าอย่างรุนแรง พร้อมกับดึงกุญแจรถเขวี้ยงทิ้งข้างถนน สร้างความตื่นตกใจให้กับเธอและคนในรถ รวมถึงลูกชายวัย 6 ขวบ ของเธออย่างมาก
โดยระบุว่า "ตอนนี้ลูกเราก็ยังผวาและหวาดกลัว และถ้าหากมีรถชนท้ายเราเพราะเป็นช่วงลงสะพานคุณจะทำยังไง คุณคิดว่าคุณมีอารมณ์โมโห แต่ไม่ห่วงเพื่อนร่วมทาง สุดท้ายแล้วเราคิดอยู่ว่าจะแจ้งความดีไหม เพราะตอนนี้ลูกกลายเป็นคนตกใจมาก และยังคงหงอยกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่"
หญิงอายุ 28 ปี เจ้าของคลิป เล่าว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ได้ขับรถมาพร้อมกับลูกชายอายุ 6 ขวบ และพี่สาว โดยเธอเป็นคนขับ เดินทางจากจังหวัดลำปางมาทำธุระที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ แต่เนื่องจากไม่ชินเส้นทางจึงได้เปิดแผนที่จากโทรศัพท์มือถือ
เมื่อขับไปถึงถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เขต ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จึงไม่แน่ใจว่าจะต้องมุ่งหน้าขึ้นสะพานหรือจะต้องเบี่ยงซ้ายเลียบสะพาน ทำให้ต้องขับช้า แต่ระหว่างนั้นได้มีเก๋งคู่กรณีขับตามท้ายมาแล้วได้บีบแตรใส่ ทำให้เธอขับเบี่ยงออกซ้ายเพื่อให้รถคันดังกล่าวแซงขึ้นไป โดยจังหวะที่ถูกจี้ท้าย ยอมรับว่ารู้สึกตกใจและโมโห จึงบีบแตรสวนไป 2 ครั้ง
แต่หลังจากเก๋งของคู่กรณีได้แซงผ่านไปแล้ว ปรากฏว่ากลับเบียดซ้ายมาปาดหน้าและจอดรถกลางถนน ก่อนที่คนขับเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี จะลงจากรถ มาต่อว่าตนเองอย่างรุนแรงซึ่งตนก็เปิดกระจกพร้อมกับใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้ ชายดังกล่าวก็ได้ตะโกนด่าหาว่าตนมัวแต่เล่นโทรศัพท์ระหว่างขับรถ เธอจึงอธิบายไปบอกว่าไม่ได้เล่นโทรศัพท์แต่ใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นคู่กรณีก็ได้พุ่งเข้ามาบิดคุณแจรถดับเครื่องของตน พร้อมกับตะคอกด่าว่า "ไม่ต้องอัดมันแล้ว" และ "ไม่ต้องไป" ก่อนที่จะโยนกุญแจรถทิ้งข้างทางแล้วเดินขึ้นรถขับออกไป สร้างความตกใจให้พวกเธออย่างมาก
ตนไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง เพราะที่ผ่านมาก็เคยเห็นแต่ในข่าว ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอต้องปลอบใจและอธิบายเหตุการณ์ให้ลูกฟังเพื่อคลายความตื่นตกใจ และยืนยันว่าในเรื่องนี้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก เจ้าของท้องที่เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เป็นบทเรียนกับชายคู่กรณีว่าไม่ควรมีพฤติกรรมหัวร้อนแบบนี้กับใครบนท้องถนน