วันที่ 3 ต.ค. 2568 ชาย อายุ 47 ปี อดีตพรานป่า ชาวบ้านแนงมุด หมู่ 13 ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เล่าว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ตนเคยได้เข้าไปในปราสาทคนา ไปล่าสัตว์ป่า เพราะเคยเป็นนายพราน และได้เข้าไปยังฝั่งกัมพูชาได้ แต่หลังจากนั้นเข้าไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากทางฝั่งกัมพูชาได้เข้ายึดเขตปราสาทไว้ ตนและชาวบ้านจึงไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปหาของป่าอีก เพราะทางกัมพูชาได้ลอบวางระเบิดไว้รอบแนวหน้าปราสาท
ที่ผ่านมาตนเห็นปราสาทเหลือแต่ก้อนอิฐ เหลือแต่ตอ ไม่คงสภาพความเป็นปราสาทไว้ให้เห็นเลย ซึ่งจริง ๆ ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ปราสาทแห่งนี้อยู่ในเขตของไทยและเป็นของไทย แต่ถูกกัมพูชาเข้ายึดครอบครองไว้ ตนอยากได้ปราสาทคืนเพราะเป็นมรดกของประเทศไทย แต่การเข้าถึงปราสาทนั้นเป็นไปได้ยาก ด้วยสภาพที่ตั้ง และมีทหารกัมพูชาตรึงกำลังอย่างหนาแน่น
ผู้สื่อข่าวได้ขึ้นสำรวจบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งบนยอดเข้าจะเห็นทิวเขาพนมดงเร็ก หรือพนมดงรัก ทอดยาวตลอดแนว ด้านล่างเป็นป่า พรรณไม้อุดมสมบูรณ์ โดยผู้ที่เคยขึ้นมาบอกว่า หากยืนตรงหน้าผา ปราสาทคนาจะอยู่เกือบสุดทางขวามือ ซึ่งขณะนี้ต้นไม้ขึ้นสูงจนบดบังหมดแล้ว
ปราสาทคนา เคยถูกกรมศิลปากรเข้าสำรวจมาแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งทาง อบต.แนงมุด เคยเสนอให้มีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเข้ามาสำรวจอีกครั้งแล้วก็เงียบหายไป หากถามชาวบ้านในรุ่นนี้ แทบไม่มีใครเคยทราบชื่อปราสาทคนาเลย นอกจากคนรุ่นคุณปู่คุณย่าหรือพรานป่าที่เคยเดินทางไปหาของป่า และเยี่ยมชมปราสาทเท่านั้น