จากกรณีหญิง อายุ 50 ปี ร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพราะประสบปัญหาเพื่อนบ้านมหาภัย ที่เอาของมาวางของเต็มหน้าบ้านของตน จนตนไม่สามารถที่จะเข้าออกจากบ้านได้ ซึ่งตนเองอยู่บ้านหลังนี้มานานกว่า 10 ปี ตอนแรกก็ยังไม่มีปัญหาอะไร เริ่มมามีปัญหากับเพื่อนบ้านซึ่งบ้านอยู่ติดกันช่วงก่อนโควิดระบาด เนื่องจากเพื่อนบ้านทำอาชีพขายของเก่า และมีการประกาศขายในอินเตอร์เน็ต มีทั้งตู้ กลองชุด และอื่นๆ จึงใช้พื้นที่หน้าบ้านของตัวเองเป็นจุดถ่ายรูป แล้วนำของมากองไว้บริเวณหน้าบ้านของตัวเอง จนทำให้ประตูของตัวเองมีรอยแตก มีคราบน้ำมันน้ำรถของคู่กรณีเปื้อนเต็มถนน
ปกติตัวเองกับเพื่อนบ้านไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน ตนจะมาบ้านหลังนี้ในช่วงวันวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงที่ตนไม่อยู่บ้าน เพื่อนบ้านจึงใช้พื้นที่หน้าบ้านทำกิจกิจกรรมต่างๆ ปัจจุบันของทั้งหมดที่วางไว้ ตนได้มีการคุยกับเพื่อนบ้านหลายรอบ ให้ช่วยเคลียร์ปัญหา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ซึ่งเพื่อนบ้านอ้างสาเหตุที่ไม่สามารถช่วยได้ เนื่องจาก
มีปัญหาเรื่องสุขภาพ รวมทั้งสามีกับลูกเขยไม่ว่างที่จะช่วยเหลือ กระทั่งช่วงปลายปีที่แล้วตนเริ่มทนไม่ไหว เพราะไม่สามารถเอารถเข้าบ้านได้ จึงพยายามขอคุยกับเพื่อนบ้าน ก็ได้คำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่าจะเคลียร์ให้ แต่ก็ไม่เคยทำได้สักที
ล่าสุดเพื่อนบ้านท้าทายว่า จะไปร้องเรียนที่ไหนก็ร้องไปเลย ตนจึงตัดสินใจไปร้องเทศบาลบางคูรัด ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่มาเจรจาไกล่เกลี่ย ขอให้คู่กรณีเก็บข้าวของออกแต่ก็เก็บได้เพียงบางส่วน ซึ่งตนเองร้องแบบนี้ 2 ครั้ง และแจ้งความไว้ที่ สภ.บางบัวทองถึง 4 ครั้ง จนถึงตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากทางเทศบาลบางคูรัดอ้างว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
นอกจากนี้ตนยังเคยร้องเรียนผ่านไลน์กลุ่มของนิติบุคคล แต่พอส่งข้อความเข้าไป เพื่อนบ้านหัวเราะเยาะเย้ย และมีท่าทีจะเข้ามาทำร้ายร่างกายตัวเอง รวมทั้งมาทำให้รถของตนมีรอยถลอกด้วย ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ตนก็ไม่ได้เข้าไปพักที่บ้านหลังนั้นอีกเลย ซึ่งตนอยากบอกคู่กรณี คือ ตัวเองกับคู่กรณีอยู่ด้วยกันมานาน เคยคุยด้วยหลายรอบ ไม่ได้อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต ที่เขาอ้างว่าตัวเองเป็นเด็กช่างฟ้อง จริงๆ มันไม่ใช่ เพราะที่ตรงนั้นควรรู้ว่าเป็นสิทธิ์ของใครและควรรู้ว่าสิทธิ์ของตัวเองอยู่ตรงไหน ตนพูดจนไม่อยากจะพูดแล้ว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ พบชาย อายุ 57 ปี เพื่อนบ้านคู่กรณี กล่าวว่า ตนมีอาชีพขายของเก่า ส่วนของที่วางเอาไว้ที่หน้าบ้านตนได้สั่งเอามาใช้ ซึ่งสิ่งของต่างๆ ที่วางไว้ก็ไม่ได้เน่าเหม็น ที่ผ่านมาก็มีปัญหากับเพื่อนบ้านและสิ่งของต่างๆ ก็เก็บหมดแล้ว ส่วนตู้เหล็กที่วางอยู่ คือ เพิ่งสั่งมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และที่ผ่านมาเพื่อนบ้านของตนไปร้องเรียนมาแล้วหลายหน่วยงานและทางเจ้าหน้าที่เทศบาลบางคูรัดก็เข้ามาดูแล้ว และเพื่อนบ้านของตนก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ตนคิดว่าบ้านของตนเป็นบ้านหลังสุดท้าย ใช้พื้นที่หน้าบ้านได้แต่ก็ไม่ได้เกะกะอะไรมากมาย
ภรรยา กล่าวว่า เมื่อก่อนตรงหน้าบ้านตนจะโล่ง แต่เพราะตนเห็นว่าเพื่อนบ้านอยากจะมีความส่วนตัว ตนจึงเอาต้นไม้มาวางและทำทางออกอีกทาง แต่กลายเป็นว่าหน้าบ้านเป็นของเขาทั้งหมด ตนรู้สึกว่า มันบั่นทอนชีวิตตัวเอง อยู่ไม่เป็นสุข จะมาอะไรมากกับเรื่องพวกนี้ มันก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะมันอยู่ร่วมกัน ไม่ได้อยู่บ้านเดี่ยว ก็ต้องยอมรับตรงนี้ด้วย
ด้านผู้ร้องเรียน กล่าวว่า ตนไม่ได้ต้องการอะไร ตนเพียงแค่ต้องการสิทธิ์ของตน ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เกิดจากตนคนเดียว แต่เกิดจากสิ่งที่เพื่อนบ้านวางของไว้ทั้งหมดและเขาวางไว้แบบนี้ โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ซึ่งการด่าก็เป็นเขาที่ด่าตนก่อน ตนไม่ได้ใจแคบ แต่ตนใจกว้างมาพอแล้ว