พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช, พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน. เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเรือน้ำมันของกลางหาย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปแล้วว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ 3 นาย ประกอบด้วย ระดับสารวัตร 1 ราย และ ชั้นประทวนอีก 2 ราย พร้อมเตรียมประสานให้บก.รน. ส่งตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิดตามมาตรา 157 กับตำรวจชั้นประทวน ทั้ง 2 นายนี้เพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ก็จะยื่นฟ้องคดีละเมิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีทำให้ทรัพย์สินราชการ หรือของกลางเสียหายอีกด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่าเหตุที่ดำเนินคดีตามมาตรา157 เพียงแค่ตำรวจชั้นประทวน 2 นายเท่านั้น เพราะจากตรวจสอบแล้วพบว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ละเว้นไม่เข้าเวรยามจนเป็นเหตุให้เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย ถือว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เราทำไปตามข้อเท็จจริง ผิดหรือถูกว่ากันในศาล ส่วนตัวสารวัตรนั้นจากการตรวจพบไม่พบว่าเข้าข่ายความผิด เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ สอนให้ต้องตระหนักต่อหน้าที่ ไม่ใช่ปล่อยปะจนเกิดความเสียหาย ยอมรับว่าเห็นใจ แต่ในเมื่อเราถือกฎหมายเหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าที่เราสั่งงานแล้วไม่ทำ จนทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าไม่ดำเนินคดี ภาพรวมของตำรวจก็เสียไปด้วย จึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีข้อมูลโทรศัพท์มือถือของตำรวจน้ำทั้ง 9 นาย ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้วทั้ง 8 เครื่อง ไม่พบความผิดปกติ คงเหลือเพียง 1 เครื่องซึ่งเป็นเครื่องของ ผกก. ที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ยืนยันจะตรวจสอบให้ครบทุกมิติ เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่าเหตุที่ไม่มีการสอบวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจระดับบน หรือผู้บังคับบัญชา กลับเอาผิดเพียงแค่ระดับสารวัตร และชั้นประทวนเท่านั้น เพราะเราให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยยึดหลักข้อเท็จจริง เหตุที่ไม่ได้เอาผิดกับระดับบังคับบัญชา เพราะมองว่าการดูแลเรือของกลางนั้น
เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสารวัตร แต่ไม่ใช่ว่าตำรวจระดับผู้ใหญ่ จะไม่ถูกตรวจสอบ เราตรวจสอบหมด ครอบคลุมทุกมิติ หากพบว่าผิดก็จะต้องถูกดำเนินการไม่ต่างกัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้นทราบว่า ทั้งในส่วนของคดีเรือน้ำมันของกลางหาย และคดีขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น คาดว่าจะสามารถขอออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ประมาณ 4-5 ราย ซึ่งมีตัวเสี่ยโจ้รวมอยู่ด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อถึงกรณีแชตไลน์หลุดว่าได้สอบปากคำนักข่าว ที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไว้แล้วบางส่วน รวมถึงสอบปากคำ ผกก. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าคนในแชตเป็นตนเองจริง แต่ขอปฏิเสธเรื่องที่ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์
ส่วนคู่สนทนาที่แชตด้วยนั้น จากแนวทางสืบสวนก็เชื่อว่าเป็นเสี่ยโจ้ ส่วน “หนุ่มเพชรบุรี” ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ส่งหนังสือเชิญตัวมาให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่มีการตอบรับ ก็จะส่งพนักงานสอบสวนไปหาที่อบจ.เพชรบุรี เพื่อสอบถามให้ชัดเจนว่า ตำรวจมีการเรียกรับเงินผลประโยชน์จริงหรือไม่