จากกรณี หนุ่มเมาคลั่งสาดน้ำร้อนใส่แม่แท้ๆ อายุ 64 ปี จนเกิดแผลพุพอง ต้องหามแม่ส่งโรงพยาบาลเหตุเกิดที่ ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ตอนนี้แม่ยังยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ทางแพทย์เกรงว่าแผลจะติดเชื้อ จึงให้รักษาตัวเพื่อดูอาการไปสักระยะ เพราะยังมีแผลพุพอง และมีอาการเจ็บปวด
ด้านลูกชายซึ่งตอนนี้ยังคงอยู่ที่บ้าน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ชี้แจงในมุมของตัวเองว่า ไม่ได้ทำร้ายแม่อย่างที่ชาวบ้านเข้าใจ โดยบอกว่า อยากให้สื่อฟังความทั้ง 2 ด้าน
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ตน พ่อ และ แม่ อยู่ในอาการเมา เพราะคนในครอบครัวดื่มเหล้ากันทุกคน เวลาตอนเกิดเหตุประมาณ 19.30 น. ตนเองต้มน้ำจนเดือดเพื่อจะใส่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นจังหวะที่แม่เดินมาพอดี จึงชนกัน ก่อนที่แม่จะล้มและน้ำที่ต้มอยู่บนเตาคว่ำลงมาหกใส่แม่ที่หลัง ซึ่งตนไม่ได้เอาน้ำร้อนสาดใส่แม่อย่างที่เป็นข่าว ตนกล้าสาบานว่าไม่เคยคิดจะทำร้ายแม่ตัวเอง และรู้สึกเสียใจที่ข่าวออกไปแบบนั้น
ขณะที่เพื่อนบ้าน ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวนี้เวลาดื่มเหล้าก็มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ และมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง ตัวลูกชายเวลาดื่มเหล้ามักจะทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้าง จนภรรยาอยู่ด้วยไม่ได้ แต่ถามว่า ลูกเอาน้ำร้อนสาดใส่แม่จริงไหม ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้เห็นเหตุการณ์
ด้าน แม่ที่ตอนนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เล่าว่า ตอนเกิดเหตุลูกชายกลับมาจากทำงาน ซึ่งตนกับลูกชายและสามีทำงานด้วยกันตลอดไม่เคยแยกกัน แต่วันที่เกิดเหตุลูกชายทำงานคนเดียว แต่ตนกับสามีไม่ได้ไปทำ
ตอนเกิดเหตุดังกล่าว ตนไม่ได้ดูเลยว่าลูกชายสาดน้ำร้อนใส่ตนหรือเปล่า ตอนนั้นเหมือนล้มลง รู้สึกอีกทีก็โดนน้ำร้อนราดทั้งตัว ตนจึงถามลูกว่า “ทำไมถึงทำแม่แบบนี้”
ก่อนเกิดเหตุลูกชายกำลังต้มน้ำร้อนเพื่อจะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คาดว่าลูกชายน่าจะเดินชนเก้าอี้ที่ตนนั่ง แล้วล้มไปโดนน้ำร้อนจึงเกิดลวก ตนคิดว่าเกิดอุบัติเหตุ ลูกไม่ได้เอาน้ำร้อนราด ส่วนตอนนี้ยังไม่หายดียังมีอาการปวดอยู่ หมอให้รักษาตัวให้หายก่อนถึงจะได้ออกจากโรงพยาบาล