วันที่ 25 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา บรรยากาศงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติ หรือ งานล้างป่าช้า ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่วัดแหลมใต้ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังคงคึกคัก โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายสราวุธ หัวหน้าแผนกทรง มูลนิธิสว่างศรัทธาธรรมสถานฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายปัญญา หัวหน้าหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา นำทีมอาสาสมัครดำเนินการขุดเก็บศพไร้ญาติภายในสุสานของวัด ซึ่งในระหว่างขุดหลุมแรกบริเวณด้านหลังวัด ทีมงานต้องประหลาดใจเมื่อพบร่างของหญิงสาวที่ไม่เน่าเปื่อย สภาพศพยังคงมีเส้นผมติดอยู่ ผิวหนังแห้งเกาะกระดูก สวมใส่กางเกงขาก๋วยจีนสีกรมท่า และยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์
เหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมงาน ต่างพากันกราบไหว้และร่วมบริจาคเงินเพื่อเป็นกุศล นอกจากนี้ ภายในผ้าห่อร่างยังพบรูปถ่ายของหญิงสาวผู้ล่วงลับคู่กับชายหนุ่ม โดยที่ด้านหลังของรูปมีตัวเลขระบุไว้ว่า “367” ทำให้ผู้ร่วมงานหลายคนให้ความสนใจและจดจำเพื่อนำไปเสี่ยงโชค
หลังจากนำร่างดังกล่าวออกจากช่องเก็บศพ ทีมงานได้ช่วยกันทำความสะอาด พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นสีขาว ก่อนจะนำไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่ “เทวศาสนาริ้วเยี่ยงไท้” มูลนิธิสว่างศรัทธาธรรมสถาน จังหวัดฉะเชิงเทรา และจะทำการฌาปนกิจร่วมกับโครงกระดูกอื่น ๆ ที่ขุดพบในช่วงเวลา 2 เดือนของการล้างป่าช้า
นายสราวุธ เปิดเผยว่า ตามความเชื่อของชาวจีน หากร่างของผู้เสียชีวิตไม่เน่าเปื่อย หากเป็นผู้หญิงจะเรียกว่า “นางฟ้า” ส่วนผู้ชายจะเรียกว่า “อาจารย์ทอง” ซึ่งร่างประเภทนี้พบได้น้อยมาก และถือเป็นผู้มีบุญ ที่ได้เข้าร่วมปลดปล่อยในพิธีมหากุศลล้างป่าช้า บางปีอาจไม่มีการค้นพบร่างนางฟ้าหรืออาจารย์ทองเลย
สำหรับร่างที่ขุดพบครั้งนี้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยพิจารณาจากหลักฐานการย้ายช่องเก็บกระดูกของวัด ซึ่งมีการย้ายมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2508 หรือ 60 ปีก่อน โดยร่างนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในหีบไม้โบราณ และถูกเคลื่อนย้ายมาสู่ช่องเก็บศพแห่งใหม่ของทางวัด
ทั้งนี้ งานล้างป่าช้าถือเป็นมหากุศลครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิสว่างศรัทธาธรรมสถานฉะเชิงเทรา เพื่อเก็บศพไร้ญาติและจัดพิธีบำเพ็ญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเฉพาะที่จังหวัดฉะเชิงเทราเพียงแห่งเดียว ศพที่ถูกฝังไว้ในสุสานแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นศพที่ไม่มีญาติรับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และตามความเชื่อของชาวพุทธรวมถึงทุกศาสนา การทำพิธีบำเพ็ญกุศลให้ผู้เสียชีวิตถือเป็นการส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติ