รายการ โหนกระแส ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 มีการนำเสนอเรื่องราวของ “คุณมิ้ว” หญิงสาวรายหนึ่งที่ออกมาเล่าประสบการณ์ตรง หลังตกเป็นเหยื่อของร่างทรงคนหนึ่ง ซึ่งอ้างเรื่องคุณไสย วิญญาณร้าย และเทพต่างๆ ล่อลวงให้ทำพิธีกรรมอย่างต่อเนื่อง จนสูญเงินไปหลายล้านบาท
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในปี 2560 ขณะคุณมิ้วไปเช่าบูชาวัตถุมงคลประเภทพญานาคและลูกแก้ว ด้วยความเชื่อและศรัทธา ทำให้ได้รู้จักกับร่างทรงรายหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็เริ่มมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นในชีวิต เช่น จับได้ว่าสามีมีหญิงอื่น ซึ่งร่างทรงอ้างว่าเป็นเพราะถูกคุณไสย พร้อมเสนอทำพิธีอาบน้ำมนต์เพื่อแก้เคราะห์ แต่หลังจากนั้น ร่างทรงก็บยังมาบอกว่า สามียังไม่เลิกกับผู้หญิงคนนั้น พอเราไปถามสามี แล้วโกหกสามีว่า ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เลิกคุยกันนะ เพราะผู้หญิงโทรมาหาเราอีกรอบ สามีบอกว่า เลิกคุยไปนานแล้ว พอคุยกันไม่รู้เรื่อง สามีเลยบอกว่า งั้นก็แยกทางกันดีกว่า สุดท้ายครอบครัวก็เลยแตกกัน โดยที่เราบอกว่าจะเลี้ยงลูกเอง
ต่อมา ลูกสาวของเธอเริ่มมีอาการอาเจียนผิดปกติ ร่างทรงอ้างว่ามีวิญญาณต้องการตัวเด็ก และเสนอทำพิธีไล่วิญญาณให้ จนลูกสาวหายดี ทำให้คุณมิ้วยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้น ร่างทรงยังทำพิธีอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งตั้งศาลพระภูมิ ปรับฮวงจุ้ยบ้าน และดูฤกษ์เปิดบริษัท
จากนั้นร่างทรงเริ่มอ้างเหตุร้ายที่เกิดกับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแม่ พี่สาว หรือแม้แต่พ่อที่เสียชีวิตแล้ว โดยกล่าวว่าทุกคนกำลังเผชิญเคราะห์หรือถูกวิญญาณรังควาน และเสนอตัวทำพิธีแก้ไข ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก คุณมิ้วเล่าว่า เริ่มรู้สึกวิตก กลัวว่าคนที่รักจะเป็นอันตราย จึงยอมจ่ายเงินตามข้อเสนอทุกครั้ง
ในปี 2564 คุณมิ้วให้ร่างทรงมาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ไม่นานเธอเริ่มมีอาการปวดหลังและเท้า ร่างทรงอ้างว่าเกิดจาก “เส้นสัมภเวสี” ที่อยู่ในบ้าน ก่อนจะกล่าวว่า มีผี 13 ตนที่เกิดจากความอิจฉาของคนในธุรกิจ และอดีตแฟนของเธอได้ทำของใส่ จึงต้องทำพิธีสะกดวิญญาณ โดยแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท และอ้างว่าน้ำยาในพิธีนำเข้าจากเขมร
ร่างทรงยังอ้างถึงเทพหลายองค์ เช่น ปู่ภุชงค์นาคราช และองค์เห้งเจีย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมชักชวนให้คุณมิ้วทำบุญแก้กรรมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กลางปี 2565 จนถึงปี 2566 ทำให้ต้องจ่ายเงินไปหลายล้านบาท
เมื่อเข้าสู่ปี 2567 คุณมิ้วเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดชีวิตยังคงมีปัญหา และทำไมยังไม่ได้รับเงินจากธุรกิจหรือได้ลูกค้า ร่างทรงกลับตอบเพียงว่า “ที่ผ่านมาเราช่วยมาตลอด” และใช้ถ้อยคำข่มขู่ว่า หากไม่ทำพิธี ลูกของเธออาจได้รับอันตราย ทำให้ยังคงหลงเชื่อและยอมจ่ายเงินต่อไป
ปลายปี 2567 ร่างทรงแจ้งว่าจะทำพิธีฝากดวงลูกสาว โดยในตอนแรกบอกว่าจะฝากไว้กับเจ้าแม่กวนอิม แต่ภายหลังกลับเปลี่ยนเป็นการฝากกับปู่ภุชงค์ พร้อมอ้างว่าต้องสร้าง “หีบ” สำหรับใส่หุ่นลูกสาวส่งลงบาดาล โดยต้องใช้เวลาเดินทาง 30 วัน สมุนพญานาคจะพาไปหาองค์ปู่
คุณมิ้วจ่ายค่าทำหีบไปกว่า 300,000 บาท แต่ร่างทรงกลับบอกว่าหีบแตกเพราะน้ำเชี่ยว ต้องจ่ายเพิ่มทำใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็อ้างว่าจะให้ครุฑหอบหีบฝ่าไป แต่ก็มีอุปสรรคว่าเหล็กทิ่มคอครุฑ ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปวางใต้ต้นไม้ในทะเล ก่อนสุดท้ายจะวนกลับไปที่การฝากกับเจ้าแม่กวนอิมตามเดิม โดยทั้งหมดนี้ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกมาก ทั้งที่คุณมิ้วไม่เคยเห็นหีบ เห็นหุ่น หรือหลักฐานใดๆ เลย
จุดเปลี่ยนสำคัญ คือเมื่อร่างทรงส่งภาพหุ่นที่อ้างว่าเป็นลูกสาวเธอมาให้ดู แต่กลับกลายเป็น “หุ่นไอ้ไข่” ซึ่งคุณมิ้วมองว่าไม่ตรงกับที่กล่าวอ้าง และรู้สึกว่าถูกหลอกอย่างชัดเจน
แม้ตอนแรกตั้งใจจะปล่อยผ่านเรื่องเงินที่เสียไป เพราะคิดว่ายังหาใหม่ได้ แต่เมื่อเริ่มมีคนในครอบครัวและผู้ที่เข้ามาช่วยเธอเจอเหตุการณ์ประหลาด หรืออุบัติเหตุไม่คาดคิด ทำให้เชื่อว่าร่างทรงพยายามใช้ไสยศาสตร์ทำร้ายและขัดขวางชีวิตของเธอ
ต่อมาในรายการมีการโฟนอินคู่กรณี ชื่อ “คุณธัญ” ที่ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ร่างทรง เป็นเพียงเพื่อนสายมู รู้จักเขาที่ตึกออฟฟิศของคุณมิ้ว เขามีปัญหากับที่ทำงาน เขาก็มาปรึกษาเรา เราเชื่อเรื่องมูด้วยกัน ก็เลยไปไหว้ ไปบูชาคำชะโนดด้วยกัน เขารักเรา ดูแลเราเหมือนแม่ คุณมิ้วดูแลเราดีทุกอย่าง ขนาดตอนเราป่วยโควิด เขาก็ดูแล จ่ายค่ารักษาให้เรา ไม่รู้ว่าจุดเปลี่ยนตรงไหนที่เขามามองเราเปลี่ยนไป
ส่วนเรื่องที่เขาโอนเงินอะไรมาให้เราต่างๆ นานา เขาอยากได้ของ อยากบูชา เราก็ไปหามาให้ ยอมรับว่ามีส่วนต่างบางส่วนที่เราขอเป็นค่ารถ ค่าน้ำมัน เขาก็รับรู้มาตลอด แต่ว่ากัน จอมพลัง บอกว่า ส่วนต่างไม่น้อยนะ เพราะเขาซื้อรูปปั้นมา 2-3 พันบาท เอามาขายคุณมิ้วหลักหมื่น
คุณมิ้วบอกว่า ค่าของจะอ้างแบบนั้นก็ได้ แต่เรื่องเงินที่เอาไปทำพิธี ที่ไม่มีของ อันนี้มันยังไง คุณธัญบอกว่าคุณมิ้วอาจจะเข้าใจผิดหรือเปล่า เพราะเราไม่ใช่ร่างทรง เราทำไม่ได้อยู่แล้ว ที่เขากล่าวว่า เอาเงินไปเซ่นไหว้ มันคืออะไร เราไม่รู้จริงๆ เงินที่คุณมิ้วโอนให้เรา ที่มีสเตตเมนต์อะไรต่างๆ มันมีทั้งเงินที่เราขอยืมเขา และเงินส่วนที่เขาโอนมาให้มีสเตตเมนต์เคลื่อนไหวในบัญชี เพื่อจะเอาไปยื่นกู้ธนาคาร ซึ่งพอมีสเตตเมนต์แล้ว เราก็ไปกดเงินสดออกมาคืนเขา
สิ่งที่เราเสียเปรียบเขาคือ เราไม่มีเอกสารหลักฐาน เราพูดไม่เป็น ตอนที่ยังดีกันอยู่ ก็ไม่เห็นจะมีการทำเอกสารหลักฐานอะไรเลย พอตอนนี้ไม่รักกันแล้ว อยู่ดีๆ มามีเอกสารเต็มไปหมด ก็เป็นไปได้ไหมว่า เขาไปสร้างหลักฐานขึ้นมา
ขณะที่ ทนายเมย์ บอกว่า หลักฐานในไลน์ ที่เป็นแชตบทสนทนา บอกให้โอนเงินมาเท่านั้นเท่านี้ การที่คุณสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่คุณมิ้วโอนเงินให้คุณตลอดเวลา ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี ถ้าไม่ถูกหลอกลวง หรือทำให้หลงเชื่อ จะมีเหตุผลอะไรที่เขาโอนเงินให้คุณ แบบนี้เจตนามันเข้าข่ายการฉ้อโกงหรือเปล่า
คุณธัญบอกว่า ไม่จริง ตนไม่ได้เป็นร่างทรง ไม่ได้เป็นพ่อปู่ แชตไลน์ต่างๆ ที่เขาเอามาเปิด มันเป็นไปได้ไหมว่า มีบางวันที่มือถือเราหายไป เขาจะเอามือถือไปพิมพ์สร้างขึ้นมาหรือเปล่า แต่กัน จอมพลัง บอกว่าแชตไลน์มันคุยต่อเนื่องกันมาเป็นปีๆ หลายปี มือถือคุณหายไปนานขนาดไหนกัน
ในแชตไลน์มีข้อความที่บอกว่า พ่อจะทำพิธีให้โอนเงินมา แทนตัวเองว่าพ่ออย่างนั้น พ่ออย่างนี้ คุณธัญบอกว่าไม่จริงเลย เราไม่ใช่ร่างทรง แต่ที่เขาเรียกเราว่าพ่อ หรือเรียกว่าแม่ เป็นเพราะคุณมิ้วเขาไม่มีพ่อแม่ เขาเลยรักและนับถือเราเหมือนพ่อแม่ ก็เลยเรียกเราแบบนั้น
สุดท้ายคุณมิ้วบอกว่า ที่ผ่านมาอโหสิให้เขาไปหมด แค่อยากจะรู้ว่าเสียงที่เขาพูดกับเรา มันเป็นเสียงของใครกันแน่ เป็นเสียงพ่อปู่ภุชงค์จริงไหม แล้วเขามาทำกับเราแบบนี้ทำไม จองเวรจองกรรมกับเราทำไม ชาติที่แล้วเราไปทำอะไรให้คุณ ทำไมถึงเอาความหวังดี ความปรารถนาดีมาทำกับเราแบบนี้
ต่อมายิ่งคุยก็ยิ่งโป๊ะ เพราะคุณธัญบอกไปตอนเริ่มโฟนอินว่า ไม่มีลูก ไม่มีสามี แต่คุณมิ้วบอกว่าเราช่วยเหลือเขา ช่วยลูกเขา จนย้อนมาถามใหม่ ไหนคุณธัญบอกว่าไม่มีลูก เขาก็ค่อยมายอมรับว่า ตัดแม่ตัดลูกกับลูกชายไปแล้ว เลยบอกว่าไม่มีลูก คุณมิ้วเลยบอกว่า เขามีลูกสาวอีกคน
ต่อมามีการเปิดคลิปเสียง ลูกสาวของคุณธัญ ชื่อว่า กุ้ง โทรมาบอกคุณมิ้วว่า พ่อปู่ต้องการเงิน ต้องให้คุณมิ้วโอนเงินมา ถามว่าใช่เสียงของลูกสาวคุณธัญหรือไม่ ทำให้เจ้าตัวจนมุม แต่ก็ยังบอกว่าไม่เคยไปแอบอ้างว่าเราเป็นร่างทรง ทั้งที่มีคลิปเสียงลูกสาวของคุณธัญมัดตัวขนาดนี้
สุดท้ายคุณธัญ ยอมรับแค่ว่า เคยพูดนานแล้ว พูดเล่นกับน้องว่าตัวเองเราเป็นพ่อปู่ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ยอมรับว่าไปหลอกลวงอะไรต่างๆ นานา พูดแต่ว่าตัวเองขอยืมเงิน แต่ไม่มีเงิน หลายเรื่องก็รู้สึกผิด อยากขอโทษเขาเหมือนกัน แต่ถามว่าจะนัดคุยกันที่ไหนอย่างไร ก็ยังตกลงกันไม่ได้สักที สุดท้ายต้องบังคับให้เขาไปเจอที่ สน.คันนายาวเย็นนี้ ขอให้รู้ว่าตอนนี้คุกรออยู่ที่ประตูบ้านแล้ว ถ้าอยากจะเจรจา มีธุระอะไรก็ควรจะยกไปก่อน ไม่ใช่บอกว่าติดนั่น ติดนี่
ท้ายที่สุดคุณมิ้วบอกว่า ตอนนี้ไม่เชื่อแล้ว ขอทำบุญอย่างเดียว แต่ว่าเชื่อว่ามีองค์ที่ยังไม่ยอมให้จบ เช่น องค์ของเจ้าของเสียงพ่อปู่ที่คุยกับเราตอนนั้น น่าจะไม่ยอม จนทำให้กันและพี่หน่วงต้องช่วยกันอธิบายว่า เสียงที่ว่ามันไม่มีจริง มันเป็นการเปลี่ยนเสียงของคนที่เขามาหลอกคุณ ถ้าเรายังไม่หยุดงมงาย เราจะถูกหลอกอีก