รายการโหนกระแสวันนี้ กลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง กรณีดรามาระหว่าง "เอ๋ มิรา" และ "ทนายเก่ง วิษรุษ มณีรัตน์" ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก หลังทนายเก่งเข้ามาเป็นผู้ช่วยเหลือทางกฎหมาย ช่วยเอ๋ มิรา ฟ้องร้องอดีตสามี ครูไพบูลย์ แสงเดือน จนสามารถชนะคดีได้
แต่ล่าสุด "เอ๋ มิรา" ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ "ทนายเก่ง วิษรุษ มณีรัตน์" หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคอนเทนต์ที่ "ไวน์ ยุทธพิชัย" แฟนหนุ่มของเธอ ถ่ายทำร่วมกับ "อั้ม ศรินยา" หญิงสาวที่เคยเป็นข่าวดัง โดยเอ๋ระบุว่าเธอไม่สบายใจกับแนวทางของคอนเทนต์ และตั้งคำถามว่าทำไมยังมีคลิปออกมาอีกหลายครั้ง แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากสังคม
ด้านทนายเก่งออกมาชี้แจงว่า ตนไม่ได้เป็นผู้สั่งให้ไวน์และอั้มถ่ายคลิปคู่กัน แต่เป็นการตกลงกันเองของทั้งสองฝ่าย พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดไวน์จึงไม่ออกมาพูดความจริง และปล่อยให้ตนถูกสังคมโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ในประเด็นนี้ สองฝ่ายพูดคุยกันจนเข้าใจแล้วว่า ทนายเก่งไม่ใช่คนสั่งให้ทำ เป็นไวน์ที่ตกลงไปถ่ายคลิปกับอั้มเอง แล้วก็ตกลงว่าจะโพสต์กันเอง
แต่ประเด็นที่เป็นปัญหา คือเรื่องที่เอ๋ มิรา ตัดสินใจยุติการทำธุรกิจกับทางบริษัทเซรั่มของทนายเก่งและภรรยา เพราะรู้สึกว่าได้ส่วนแบ่งไม่เป็นธรรม จากเดิมที่เขามาบอก มาทาบทามเรา ว่าเขาทำเซรั่มออกมาแล้วมันยังขายไม่ได้ ขายไม่ดี อยากให้เรามาเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วจะยกแบรนด์นี้ให้เป็นแบรนด์ของเอ๋เองเลย ให้เราเป็นเจ้าของแบรนด์ แต่สุดท้ายจากเดิมที่เคยได้ส่วนแบ่ง 20% ก็ลดมาเหลือ 10% โดยที่เราไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกขอลด แล้วหลังจากนั้น พอมีไวน์มาช่วยทำงาน มาช่วยถ่าย พี่ปุ๊กกี้ ภรรยาทนายเก่งก็มาบอกว่า ขอแบ่ง 2 เปอร์เซ็นต์ จากที่เอ๋ได้รับ เอาไปให้ไวน์ได้ไหม เอ๋ก็ยินดี เพราะพี่ไวน์มาช่วยเรา เอ๋ก็ลดส่วนแบ่งลงเหลือ 8 เปอร์เซ็นต์
แต่ที่เอ๋เสียใจมากๆ คือเอ๋ตัดคลิป ทำคอนเทนต์ โปรโมตสินค้า คนอื่นๆ ช่องพันธมิตรต่างๆ ที่เข้ามาช่วยขาย เขาเอาคลิปจากเอ๋ไปลง ปรากฏว่าเอ๋ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากตรงนี้เลย ทั้งๆ ที่เอ๋เข้าใจว่า เอ๋เป็นเจ้าของแบรนด์ ไม่ว่าใครจะเอาไปขาย เอ๋ก็ต้องได้เปอร์เซ็นต์เหมือนกัน แต่ทำไมเอ๋ถึงไม่ได้ เอ๋เข้าใจผิดมาตลอดหรือ ปุ๊กกี้ก็บอกว่าใช่ เป็นความเข้าใจผิด จริงๆ เอ๋ได้เปอร์เซ็นต์ เฉพาะในส่วนที่เอ๋ขายได้เองเท่านั้น ทำให้เอ๋ เสียใจมาก
ขณะที่ ปุ๊กกี้ ภรรยาทนายเก่ง มีการเตรียมข้อมูลทั้งหมด เอาชี้แจง ก่อนหน้านี้บริษัทขายของผ่านเฟซบุ๊ก ในราคา 390 บาท 1 แถม 1 โดยเอ๋จะได้กำไร 20 เปอร์เซ็นต์ “จากยอดขาย” ไม่ใช่จากกำไร ขายได้เท่าไหร่หักไปก่อนเลย คือได้ 78 บาทต่อเซ็ท หัดจากยอดขาย ไม่ใช่กำไร
แต่พอไปขายใน TikTok การแข่งขันสูงมาก ต้องหั่นราคา ทำโปรโมชันโหดๆ ลงมาเหลือแค่ 100 บาท 1 แถม 1 แต่จะได้ยอดขายมากขึ้น ขายลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เอ๋ จะต้องยอมหักส่วนแบ่งด้วย เหลือ 10 บาทต่อชิ้น โดยที่เอ๋ไม่ต้องหักค่าอะไรเลย ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ด้วยซ้ำ เพราะบริษัทรับผิดชอบให้เอ๋ทั้งหมด มาตลอดตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา
การที่เอ๋บอกว่า ไม่รู้ที่มาเลย ว่าได้เงินส่วนแบ่งยังไง จากไหนบ้าง ในสลิปมีบอกหมด ว่ารายได้ของเดือนนี้ มาจากแพลตฟอร์มไหน ยอดขายเท่าไหร่ ขายได้กี่ชิ้น เป็นเงินกี่บาท ถ้าเอ๋กดเข้าไปดูจะรู้หมดเลย
แล้วเรื่องส่วนแบ่งในช่องต่างๆ ก็มีการตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่า เอ๋จะได้ส่วนแบ่งจากช่องตัวเอง 10% ได้จากช่องของบริษัท 5% แต่ในส่วนของช่องพันธมิตรอื่นๆ ไม่ได้มีการตกลงกันแบบนั้น ส่วนเรื่องการทำสัญญา ก็ไม่ได้ทำสัญญาลายลักษณ์อักษรกันไว้ เพราะน้องเอ๋ไม่มีสโคปงานที่ชัดเจน ว่าวันไหนจะมาไลฟ์ วันไหนจะทำคอนเทนต์ เราให้อิสระตรงนี้ ว่างเมื่อไหร่ก็ทำ สรุปรายได้ 2567 ทั้งปี เอ๋ มิรา ได้ 2.8 ล้านบาท โดยในก้อนนี้ มีส่วนแบ่งที่เอ๋แบ่งให้ไวน์ 6 แสนกว่าบาท
แล้วกรณีของไวน์ ที่แบ่ง 2% ไวน์ถามว่า ทำไมต้องแบ่งออกจากก้อน 10% ของเอ๋ ปุ๊กกี้บอกไวน์ว่า ทำไมไวน์ไม่ถามเอ๋เอง เพราะเอ๋เป็นคนขอร้องให้ทางบริษัทแบ่ง เพราะไม่อยากให้ไวน์รู้สึกแย่ ว่ามาเกาะเอ๋ เอ๋ไม่อยากโอนเงินให้ไวน์โดยตรง เป็นห่วงความรู้สึกเขา
ส่วนที่ถามว่า ทำไมไม่มีการทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร มันจะได้ไม่มีปัญหามาถึงตอนนี้ ทนายเก่งก็ต้องบอกว่า ให้เอ๋พูดความจรงให้ชัด ว่าทำไมเราถึงไม่ทำสัญญากัน ใครเป็นคนไม่อยากทำ เอ๋ตอบว่า เอ๋ไม่รู้เรื่องสัญญาอยู่แล้ว เพราะหนูเป็นเด็ก หนูจะไปรู้ได้ยังไง ทนายเก่งก็ตอบว่า เอ๋อ้างแบบนี้ไม่ได้ เอ๋เป็นคนบอกเองว่าไม่อยากทำสัญญา เพราะเอ๋มีสัญญากับอาจารย์ประจักษ์ชัยค้างอยู่ ทำให้เอ๋เป็นคนขอเองว่า ไม่ขอทำสัญญา
ส่วนประเด็นเรื่องบ้าน ที่เอ๋บอกว่า ตอนแรกพี่ทนายเก่งประกาศจะยกบ้านให้เอ๋ เป็นโบนัสที่ทำงานกันมา แต่ตอนหลังมาบอกว่า เอ๋ต้องจ่ายเงินอีก 5 แสนกว่าบาท โดยที่เอ๋ไม่รู้เลยว่าต้องมาจ่ายเงินก้อนนี้ ทางปุ๊กกี้และทนายเก่งยืนยันว่า บ้านราคา 2.5 ล้านบาท เรายกโบนัสให้เอ๋ 2 ล้านบาท ส่วนต่างอีกแค่ 5 แสนบาท ก็ให้เขารับผิดชอบแค่ส่วนนี้ จ่ายวันไหนเราก็ไปโอนบ้านให้เขาทันที ตอนนี้บ้านยังเป็นชื่อทนายเก่ง เพราะทนายเก่งไปซื้อมา
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนี้ ทนายเก่งได้ประกาศกลางรายการ ว่าจะไม่ยกบ้านหลังนี้ให้เอ๋อีกต่อไปแล้ว จะลงขายบ้านหลังนี้ แล้วจะเอาเงินที่ได้มาไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน คนที่ต้องผ่าตัด คนที่ต้องรักษาตัว แล้วไม่มีทุนทรัพย์ ทนายจะเอาเงินไปช่วยทั้งหมด ไม่ขอเก็บเงินไว้สักบาท
และหลังจากนี้ ทนายเก่งไม่สบายใจที่จะเป็นทนายความให้เอ๋อีกต่อไปแล้ว ขอให้เอ๋ ไปแต่งตั้งทนายใหม่ได้เลย ส่วนเรื่องการแก้ฎีกาที่ยังค้างอยู่ สามารถไปขอขยายเวลาได้ แต่ขอประกาศตรงนี้ว่า ทนายเก่งไม่ได้ทำคดีให้เอ๋อีกแล้ว ส่วนคู่กรณีคู่ความของเอ๋ ที่เคยประกาศหลังจากออกจากเรือนจำมา ว่าจะมาฆ่าทนายเป็นคนแรก ขอประกาศตรงนี้ว่า ผมไม่เกี่ยวอีกต่อไปแล้ว
ส่วนทางปุ๊กกี้ ก็ร้องไห้ในรายการ และบอกว่า มีหนึ่งเรื่องที่รู้สึกผิด ก็คือในวันที่เอ๋เคยเอาเพจ เอาเฟซบุ๊ก เอาชื่อเสียงของเขา ไปโพสต์ทำร้าย ทำลายคนอื่น เราเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้ห้ามปราม แล้วยังยินดีกับเขาด้วย วันนี้เราเจอกับตัว ที่เขาเอาเพจอะไรต่างๆมาทำลายเรา เรารู้แล้วว่ามันรู้สึกยังไง
อีกหนึ่งประเด็นคือ อั้ม ศรินยา สาวที่เป็นประเด็นเรื่องถ่ายคลิป จนเกิดปัญหาขึ้นมา ยืนยันว่า อั้มไม่รู้จักไวน์มาก่อน ไม่ได้ไปขอให้เขามาถ่ายคลิปด้วย เราจะไปขอทำไมในเมื่อเราไม่รู้จักเขา วงจรปิดอะไรต่างๆ ที่เอาออกมาก็เห็นว่าพี่ไวน์เป็นคนชี้นิ้วบอกให้เดินออกไปถ่ายข้างนอก แต่ถ้าไวน์บอกว่าไม่ได้เป็นคนขอให้เราถ่าย ก็แล้วแต่เขา ก็ตามนั้น แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือ ชาวเน็ตที่ออกมาด่า ทั้งอั้ม ทั้งไวน์ ทั้งพี่เอ๋ เรื่องเหล่านี้มันทำร้ายคนได้จริงๆ ใครที่คิดว่าจะคอมเมนต์อะไรก็ได้ มันมีผลกระทบต่างๆ ต่อคนที่โดน อยากให้รู้ว่า เราไม่อยากจะใช้มาตรการทางกฎหมายกับใคร ขอร้องว่าให้หยุดทำร้ายกันเสียที
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ตามมาภายหลัง คือ “รูบี้” ฝ่ายการตลาดของบริษัททนายเก่ง ที่เป็นคนดูแลไวน์มาตั้งแต่แรก และเป็็นคนที่ชักชวนไวน์กับอั้มมาถ่ายคอนเทนต์ด้วยกัน มีคนถามว่า จริงๆ แล้ว ที่รูบี้เอากล้องวงจรปิดออกมาโพสต์แฉไวน์ ว่าไวน์เป็นคนชวนอั้มไปถ่าย จริงๆ มีประเด็นส่วนตัวกับไวน์หรือไม่ เพราะมีคนบอกว่า รูบี้เคยชอบไวน์มาก่อน
เมื่อถาม รูบี้ ในรายการถึงเรื่องนี้ รูบี้ยืดอกรับแมนๆ ว่า ก็เคยชอบจริงๆ เราชอบคนหล่อ เราไปเจอเขาก็เข้าไปแอ๊วเขาก่อนจริง แล้วที่ไวน์มาเจอกับพี่ทนายเก่ง ก็เพราะเราเป็นคนชักนำมา แต่เรารู้อยู่แล้วว่า ไวน์ไม่ชอบเราแบบนั้น เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เห็นเขาลงเอยกับ เอ๋ ได้แบบนี้ เราก็ยังยินดี เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา เราไม่ได้มีเรื่องหวงอะไรกันแบบนั้น
สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายแค่ต้องการจะออกมายืนยันข้อเท็จจริง และตัดสินใจจะแยกย้าย ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกันอีก และเอ๋ มิรา ก็ยังเดินเข้าไปก้มกราบทนายเก่ง กับ ปุ๊กกี้ ขอโทษในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น และขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่เคยดีต่อกัน ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เอ๋ ก็ยังรักพี่ๆ ทั้งสองคนเสมอ และยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาที่ไม่ดีต่อพี่ๆ เลย