จากกรณี ‘เจ๊เจ้ย’ อายุ 53 ปี เข้าแจ้งความที่ สน.สายไหม ให้ดำเนินคดีกับหญิงรายหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นหม่อม หลอกลวงสามีของเจ๊เจ้ย โดยขอยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำไปสู้คดีที่ถูกอายัดทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 62 ล้านบาท สามีเจ๊เจ้ยหลงเชื่อหมดใจ โอนเงินให้ตลอดระยะ 5 ปี รวมกว่า 20 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ได้มาจากการขายบ้าน ขายรถ และทรัพย์สิน จนตอนนี้ไม่มีให้ แถมเป็นหนี้สินรุงรัง ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดวันนี้ (11 ก.ค.) พนักงานสอบสวนได้เรียกหม่อมเก๊มารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา หม่อมเก๊พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้ามามอบตัว ฝั่งเจ๊เจ้ย สามี และทนายความ ก็ได้เดินทางมาพบหม่อมเก๊
ซึ่งเมื่อเผชิญหน้ากัน เจ๊เจ้ยปรี่เข้าไปหาคู่กรณี ก่อนต่อว่าด้วยความโมโหว่า ทำได้อย่างไร เอาความไว้ใจความเชื่อใจมาทำร้ายตนและครอบครัวจนหมดตัว ทุกวันนี้เป็นหนี้สินรุงรังไปหมด ขายทุกอย่าง หลอกเป็นหม่อม รู้จักเบื้องสูง แถมพี่ชายเป็นผู้พิพากษา หลอกให้สามีโอนเงินตั้งแต่ปี 60-65 ครั้งสุดท้ายยังอ้างว่าเป็นมะเร็งสมอง ต้องรักษาตัว ขอให้ตนและสามีช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้าย เป็นค่ารักษาตัวจำนวน 300,000 บาท สุดท้ายก็หลอกลวงทั้งสิ้น คู่กรณีสบายดี กินใช้สบาย แต่ตนและครอบครัวผู้ใจดีเหมือนตายทั้งเป็น เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้คืนสักบาท
ขณะที่หม่อมเก๊นิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ จนตำรวจเจ้าของคดีต้องเข้ามาห้าม แยกทั้งสองฝ่ายไปสงบสติอารมณ์ ก่อนจะให้ทั้งคู่เข้าไปพูดคุยเจรจากันต่อหน้าตำรวจในห้องสอบสวน
ภายหลังเข้าพบตำรวจ เจ๊เจ้ย เปิดเผยว่า เมื่อเห็นหน้าหม่อมเก๊แล้วระงับสติอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ แค้นและเจ็บใจ ขอระบายออกมาบ้าง อยู่ในห้องสอบสวนตำรวจให้สรุปเงินที่ตนสูญไปกับหม่อมเก๊ ตนยืนยันไปว่า 20 ล้านบาท หลักฐานอาจจะมีแค่ 13 ล้านบาท แต่คู่กรณีบอกว่าหลอกไปแค่ประมาณ 9 ล้านบาท มีทั้งให้โดยเสน่หาและหลอกลวงไป และบอกว่าจะขอส่งคืนให้เดือนละ 20,000 บาท แต่ตนไม่ยอม ขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด