จากกรณีมีผู้ปกครองนักเรียนอนุบาล 1 โรงเรียนในอ.บางมูลนาก จ.พิจิตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“โรงเรียนรับเรื่องหน่อย ลูกสาวไปโรงเรียน กลับมาเจ็บหัวไหล่ ยกแขนขึ้นไม่ได้ ตอนนี้ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน น้องอยู่ อ.1 คุณครูนำอุจจาระนักเรียนใส่กระเป๋าให้นักเรียนนำกลับบ้านมาด้วย 2 ครั้งแล้ว พอไปแจ้งคุณครู ทำแบบนี้ทำไม แบบนี้ไม่ควรทำ คุณครูแสดงกริยาทำท่าทางอมยิ้ม อยากทราบว่าเรื่องแบบนี้คุณครูทำสมควรแล้วหรือ”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ ยายของเด็ก อายุ 44 ปี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดกับหลานสาว อายุ 4 ปี ว่า ครูประจำชั้นของหลานสาว นำอุจจาระของหลานสาวยัดมาในกระเป๋านักเรียนถึง 2 ครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร โดยความจริงน่าจะนำอุจจาระไปทิ้งในโถส้วม แต่กลับนำใส่กระเป๋านักเรียนให้กลับมา และยังมีพฤติกรรมไม่ดูแลเด็ก เมื่อเด็กอุจจาระในขณะที่ยืนเข้าแถวเคารพธงชาติก็ถอดเสื้อผ้า แล้วให้เด็กยืนอยู่แบบนั้น ทั้งที่ตนก็เตรียมเสื้อผ้าสำรองใส่กระเป๋าไปให้แล้ว แต่ก็ไม่ใส่ให้
แถมยังโทรมาตามผู้ปกครองให้ไปใส่เสื้อผ้าบุตรหลาน ซึ่งหากผู้ปกครองไม่อยู่บ้าน หลานสาวคงต้องยืนแก้ผ้าอยู่ที่เสาธงแบบนั้น ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้ปกครองหลายคน หลานสาวไม่กล้าไปโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน โดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่ช่วงแรกชอบไปโรงเรียนมาก แต่หลานสาวจะเจ็บแขนประจำ แต่ไม่มีรอยฟกช้ำ ตนจึงไม่ไว้ใจ วันนี้ได้นำหลานสาวไปหาที่เรียนใหม่ในเขต อ.ตะพานหินแล้ว
ยายของน้อง กล่าวเพิ่มเติมหลังเข้าประชุมกับเทศบาลว่า ทางเทศบาลจะจัดการให้ รวมทั้งขอให้ผู้ปกครองช่วยลบโพสต์เคลียร์ให้เทศบาล เพื่อไม่ให้เทศบาลเดือดร้อนไปมากกว่านี้ วันนี้มีปลัด มีผอ.โรงเรียน มีนายก แล้วก็รองนายกฯ เข้าร่วมประชุม เขาขอให้ลบโพสต์ ถ้าเรื่องหยุดเคลียร์กันได้ ก็รับปากว่าจะไม่ฟ้องเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ด้านนายเฉลา เกตุศิลป์ รองนายกเทศมนตรีตำบลบางไผ่ อ.บางมูลนาก ในฐานะกำกับดูแลกองการศึกษาเทศบาลตำบลบางไผ่ กล่าวว่า วันนี้นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางไผ่ พร้อมรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางไผ่ เชิญผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลตำบลบางไผ่ และผู้ปกครองที่ร้องเรียนมาพูดคุยปัญหาดังกล่าวว่า เรื่องที่ครูเอาอุจจาระเด็กห่อใส่กระเป๋าคืนให้ผู้ปกครองนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีเด็กๆ ที่ผู้ปกครองอื่นได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วยหรือไม่ และครูมีพฤติกรรมแบบนี้ได้อย่างไรมีความผิดอะไรบ้าง และมีใครบ้าง
สำหรับน้องเพิ่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนได้ 2 เดือน และอาศัยอยู่กับคุณตายาย ส่วนแม่และพ่อนั้นทำงานอยู่ที่จ.ชลบุรี และก่อนเข้าเรียนได้ทราบแล้วว่าเด็กจะถ่ายบ่อย ซึ่งร่วมพูดคุยหาทางออกร่วมกันในแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายบานปลายแก่เทศบาล ทั้งนี้ นายกเทศมนตรีเทศบาลสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามระเบียบขั้นตอนของทางราชการ และเบื้องต้นได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้อำนวยการโรงเรียนให้กำชับดูพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวแล้ว