จากกรณี ลูกชายโพสต์ข้อความ เล่าเหตุการณ์หมอลืมผ้ากอซไว้ในมดลูก ทำให้แม่ติดเชื้อจนต้องแอดมิตโรงพยาบาล 1 อาทิตย์ ตอนนี้กำลังกลับไปรับที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด เพื่อมาโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ด่วน
โดยลูกชาย พาแม่ไปรักษาโรคมะเร็ง โดยต้องมีการฝังแร่ที่มดลูก แต่แพทย์ลืมผ้ากอซไว้ภายใน จนติดเชื้อมีไข้สูงตลอด กระทั่งเข้าห้องน้ำแล้วไอจึงทำให้ผ้ากอซบางส่วนโผล่ออกมาจากช่องคลอด จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย. 67 ลูกชาย อายุ 37 ปี เปิดเผยว่า แม่ตนเป็นมะเร็งมดลูก ระยะที่ 1 ตนจึงพาแม่มารักษาที่ รพ.แห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี กระทั่งวันที่ 4 มิ.ย. แพทย์ได้ฝังแร่ที่มดลูกโดยใส่อุปกรณ์ไปในมดลูกเพื่อฝังแร่ ขณะรักษาแม่ได้รับยาสลบแต่ตอนใส่แร่คงจะมีพวกผ้ากอซ โดยการใส่เป็นหน้าที่ของหมอ แต่การเอาออกเป็นพยาบาลอีกท่านหนึ่ง ตอนแรกตนคิดว่าเป็นการติดเชื้อธรรมดา เพราะมันเกิดขึ้นได้กับการรักษามะเร็งแต่มีอาการไข้ขึ้นตลอดเวลา
สิ่งที่ตนน้อยใจและเสียใจคือการให้บริการของโรงพยาบาล ตนมีการประสานเรื่องมะเร็งตลอดหลังจากรักษาไป กระทั่งมีไข้และแย่ลงตนจึงกลับมาที่ รพ. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแจ้งให้ทางแพทย์ทราบว่าหลังจากใส่แร่ไป แม่อาการทรุดลงมีภาวะติดเชื้อ เพราะมีไข้สูงทุกชม. กินยาไปก็ไม่ลง แต่ทางรพ. ก็ไม่ยอมเปิดสิทธิ์รักษาให้ เพราะมีสิทธิ์การรักษามะเร็งที่ฟรีอยู่ของรัฐบาล จนตนจ่ายเงินรักษาเอง
ลูกชาย กล่าวต่อว่า กระทั่งแพทย์เพาะเชื้อจนทราบว่าติดเชื้อจริง จึงสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อเกิดขึ้น จนมาวันที่ 10 มิ.ย. ตนกลับมาหาหมออีกครั้งตามสิทธิ์ในเวลาราชการ ตนเข้าหาหมอมะเร็งเพื่อให้หมอมะเร็งรักษาแม่ ตนไม่ทราบว่าวันเกิดเหตุติดธุระไม่ได้มาคุยกับตน จึงเกิดความน้อยใจ แต่กลับให้ตนไปหาหมอเวชศาสตร์ซึ่งเป็นหมอทั่วไป แต่เรามีสิทธิ์การรักษาโรคมะเร็ง
ตนจึงถามว่าคุณหมอจ่ายยาได้มั้ยที่เกี่ยวกับมะเร็ง จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในจุดนี้ เพราะตนหมดเงินกับการรักษาไปเยอะมาก แต่เราได้สิทธิ์ฟรีจึงอยากจะใช้สิทธิ์ตรงนั้น แต่หมอปฏิเสธและให้ไปรักษากับหมอเวชศาสตร์ทำให้เราต้องเสียเงินเอง หลังจากให้ยาที่ รพ.นี้ ตนน้อยใจจึงพาแม่ไปรักษาที่คลินิกเอกชนชื่อดัง จึงวัดชีพจรและเกลือแร่และอาการไม่ดี ไข้ขึ้นสูงความดันตกเหลือ 60-70 อาจจะเสียชีวิตได้ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด่วนที่โรงพยาบาล
ตนจึงพาแม่มาที่ รพ. แต่แพทย์กลับจ่ายยาและให้กลับบ้านไป ตนจึงพามารดาเข้ารับการรักษาที่ รพ.รัฐ ในจังหวัดอ่างทอง โดยแพทย์แจ้งว่าไม่มียาอะไรจะให้แล้วและอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดหมอที่ รพ. ใน จ.ปทุมธานี แล้ว เดี๋ยวให้หมอช่วยดูแลจึงพาแม่กลับบ้าน แต่ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา แม่ปวดท้องมากนั่งไม่ได้เลยบอกว่าแม่เจ็บท้อง จุกท้อง ตนยังข้องใจให้ยามาแต่อาการไม่ดีขึ้นเจ็บท้องมากขึ้น
ลูกชาย กล่าวต่อว่า กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. แม่ไอจนผ้ากอซหลุดออกมาจากช่องคลอด แม่ตนจึงดึงออกมากและพบว่ายิ่งดึง ยิ่งปวด จึงให้พ่อตนใช้กรรไกรตัดออก จากนั้นจึงรีบนำแม่ไปที่รพ.รัฐในจังหวัดอ่างทอง แพทย์ก็ผิดสังเกตเพราะปกติผ้ากอซจะต้องไม่มีในช่องคลอดเป็นไปไม่ได้ที่หมอจะใส่ไว้ จึงรีบเขียนใบส่งตัวกลับมาที่ รพ.ใน จ.ปทุมธานี
เมื่อมาถึงตนก็ขอให้แพทย์เปิดสิทธิ์รักษาให้แม่ เพราะมันเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยแพทย์ลืมผ้ากอซไว้ในช่องคลอดจนติดเชื้ออย่างหนัก โดยตนแจ้งเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 จุด แต่ไม่มีใครเปิดสิทธิ์ให้เลย และค่าใช้จ่ายแล๊ปค่าตรวจเลือดมาเกือบหมื่นบาท
ตนจึงบอกว่าแบบนี้ไม่ได้ จึงยกโทรศัพท์หานักข่าว พอเจ้าหน้าที่ได้ยินจึงเปลี่ยนสิทธิ์การรักษาให้ ตนเสียใจทำไมต้องให้ตนใช้สื่อกดดัน หากเป็นตาสีตาสาที่ไม่มีความรู้อาจจะต้องเสียคนรักไป และถ้าผ้ากอซไม่หลุดออกมา แม่ของตนอาจจะต้องเสียชีวิตไป มันเป็นความผิดของทางโรงพยาบาล
จนถึงวันนี้แพทย์เพิ่งลงมาหาคนไข้และขอโทษว่ามันไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยทางรพ. ยังไม่มีอะไรชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ให้คำตอบอะไรเลย บอกแค่ว่าให้รักษาตัวไปก่อนส่วนค่าใช้จ่ายเดียวทางรพ.จะดูแล เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสื่อบางส่วนนำเสนอข่าวไปแล้ว
ก่อนเกิดเรื่องมันอีกคำพูดหนึ่ง ตนอยากให้รพ.ออกมารับผิดชอบและไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก อาจจะเสียคนรักที่สุดในชีวิตไป จากความประมาทของหมอ สถานที่แห่งนี้เป็นถึงโรงเรียนแพทย์คนกระทำเป็นถึงอาจารย์หมอก็ยังเกิดเหตุการณ์ประมาทขึ้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประสานไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของทาง รพ.ทราบว่าจะมีการแถลงเหตุที่เกิดขึ้นในวันนี้อีกครั้ง