น.ส.กรรณิกา อายุ 41 ปี หรือเจ๊กัน ดอนเมือง พร้อมด้วย น.ส.ศรินทิพย์ หรือ นิกกี้ขยี้ข่าว และน้องชายของแอนนา ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี หลังถูกน้าสาวของแอนนา เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นรถเบนซ์ที่น้าสาวแอนนาเป็นผู้เช่าซื้อรถคันดังกล่าวให้กับแอนนา เพื่อใช้ทำงานในวงการ แต่ต่อมาหลังแอนนาถูกศาลตัดสินจำคุกในคดีกล่องสุ่มทิพย์เป็นเวลากว่า 100 ปี และถูกนำตัวส่งเข้าเรือนจำคลองเปรมไปแล้วนั้น
ต่อมาทางไฟแนนซ์ได้ติดตามทวงถามค่างวดรถที่ค้างชำระ จึงทราบว่าก่อนหน้าที่แอนนาจะติดคุกนั้น น้องชายของแอนนาได้นำรถไปจำนำกับคนรับจำนำรายหนึ่ง จนกระทั่งรถเบนซ์คันดังกล่าวกำลังจะถูกขายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เจ๊กัน ดอนเมือง เพื่อนสนิทแอนนา ตัดสินใจช่วยเหลือด้วยการนำเงินไปไถ่ถอนรถเบนซ์ของแอนนาออกมาในราคา 5 แสนบาท โดยนำรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่บ้านพัก ทำให้ทางไฟแนนซ์ไปติดตามเร่งรัดกับน้าสาวแอนนาแทน
ทำให้ต่อมาน้าสาวแอนนาติดต่อไปยังเจ๊กัน ดอนเมือง เพื่อจะขอรถคันดังกล่าวคืน ต่อมาเจ๊กันดอนเมืองจึงได้โอนเงินค่างวดรถที่ค้างชำระไปให้น้าสาวแอนนา เพื่อนำไปจ่ายค่างวดรถที่ค้างชำระ 4 เดือน รวมเป็นเงิน 57,630 บาท แต่น้าสาวแอนนาไม่ได้นำเงินส่วนนี้ไปจ่ายค่างวดให้กับไฟแนนซ์ แต่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ๊กัน ดอนเมือง แทน ในข้อหายักยอกทรัพย์ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา
ภายหลังเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวแล้ว จ๊กัน ดอนเมืองได้แจ้งความดำเนินคดีกลับน้าสาวแอนนา ในข้อหาให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะขอดำเนินการฟ้องตรงด้วยตนเอง
เจ๊กัน ดอนเมือง เปิดเผยว่า ตนกับแอนนาเป็นเพื่อนสนิทกัน หลังแอนนาถูกจับดำเนินคดีแล้วติดคุกไปแล้วนั้น ต่อมาตนได้รับการติดต่อจากทางน้าสาวของแอนนาให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรถเบนซ์ที่น้าสาวแอนนาเป็นคนออกรถมาให้แอนนาใช้ไว้ขับทำงาน ซึ่งหลังจากแอนนาเข้าเรือนจำไปแล้ว ไม่มีคนส่งค่างวดรถเบนซ์คันดังกล่าว ซึ่งค้างชำระมา 4 งวดและถูกไฟแนนซ์ตามทวง โดยทางครอบครัวแอนนาได้มาขอร้องให้ตนช่วยเหลือ ด้วยความสงสารและเห็นใจ ตนจึงได้โอนเงินจำนวน 57,630 บาท ซึ่งค่าเป็นงวดที่ค้างชำระไปให้กับทางน้าสาวแอนนานำไปจ่ายให้กับทางไฟแนนซ์
โดยทางครอบครัวแอนนาก็รับปากว่าจะหาเงินก้อนดังกล่าวมาคืนให้ในภายหลัง จนกระทั่งต่อมาตนก็มาถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์จากทางครอบครัวของแอนนา ทั้งๆ ที่ตนเป็นคนให้ความช่วนเหลือ กลับกลายเป็นคนถูกแจ้งความแทน ทั้งๆ ที่ตนก็หมดเงินให้กับรถของแอนนาไปไม่ต่ำกว่า 8.9 แสนบาทแล้ว แต่สาเหตุที่ตนไม่ปิดจบรถคันนี้ไปเลย เป็นเพราะตนเองมีรถส่วนตัวใช้อยู่แล้วหลายคัน และราคาที่ไฟแนนซ์ตั้งขายไว้ราคาสูงกว่าความเป็นจริง แล้วตนจะโง่ซื้อคันดังกล่าวมาทำไมอีก
หลังจากที่แอนนาทราบข่าวเรื่องนี้ได้ไม่นาน จากเดิมที่แอนนาป่วยเป็นโรคเครียดและซึมเศร้าอยู่ก่อนหน้านี้จากคดีที่ต้องโทษอยู่ เมื่อสัปดาห์ก่อนตนเพิ่งทราบข่าวว่า แอนนาพยายามจบชีวิตตัวเองในเรือนจำ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยไว้ได้ทัน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลราชทัฑณ์จนพ้นขีดอันตราย ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ทราบว่าทางครอบครัวแอนนารู้เรื่องหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตนได้แจ้งความกลับกับทางครอบครัวแอนนาแล้ว และจ้างทนายเพื่อฟ้องดำเนินคดีโดยตรงต่อไป
ทางด้านน้องชายของแอนนา กล่าวว่า ตนเป็นคนเอารถไปจำนำเพื่อนำเงินมาให้แอนนาใช้ช่วงก่อนที่แอนนาจะติดคุก เพราะแอนนาต้องหาเงินมาจ่ายค่าแรงพนักงาน รวมทั้งใช้ต่อสู้คดี โดยที่น้าสาวของแอนนาซึ่งเป็นคนออกรถให้ ไม่รู้เรื่องด้วยมาก่อน จนกระทั่งแอนนาติดคุกไปแล้ว ทางน้าสาวได้ทวงถามเรื่องรถมาว่ารถอยู่ไหน ตนจึงได้บอกไปว่ารถถูกนำไปจำนำไว้ก่อนที่แอนนาจะติดคุก
ต่อมาทางไฟแนนซ์ได้ทำเรื่องฟ้องน้าสาวเกี่ยวกับเรื่องรถเบนซ์คันนี้ ทำให้น้าสาวตนตกใจกลัวว่าจะถูกไฟแนนซ์ฟ้องดำเนินคดี จึงได้ไปเข้าแจ้งความไว้ โดยที่ตนเองไม่รู้เรื่องมาก่อนจนกลายเป็นเรื่องบานปลาย ซึ่งตนพร้อมเป็นพยานให้กับทางเจ๊กันในคดีนี้