มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

สุดสะเทือนใจ สาวโพสต์คลิปเล่าเรื่องราวการสูญเสียแม่ แจงญาติพาแม่หาหมอสมุนไพรเถื่อน ก่อนจบชีวิต


ภูมิภาค
3 พฤษภาคม 25681,057
สุดสะเทือนใจ สาวโพสต์คลิปเล่าเรื่องราวการสูญเสียแม่ แจงญาติพาแม่หาหมอสมุนไพรเถื่อน ก่อนจบชีวิต

จากกรณีที่มีสมาชิกติ๊กต็อกรายหนึ่งได้ออกมาเล่าเรื่องราวสุดสะเทือนใจผ่านคลิปวิดีโอทั้งหมด 4 EP.โดยเนื้อหาของคลิปวิดีโอ ลูกสาวได้ออกมาเล่าเรื่องราวการสูญเสียคุณแม่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันที่ต้องประกอบพิธีฌาปนกิจ ซึ่งสิ่งที่ผู้ชมส่วนใหญ่ตั้งคำถามและเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลังจากชมคลิปทั้งหมดจบคือ กระบวนการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกที่น้องสาวของผู้เสียชีวิตพาผู้เสียชีวิตไปรักษา จนอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น


หญิงอายุ 61 ปี ผู้เสียชีวิต เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ขณะอาศัยอยู่กับสามีที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กระทั่งวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 อาการทรุดลงอย่างรวดเร็วจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผลการสแกนพบว่ามีก้อนเนื้อในสมองจำนวนมาก โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นก้อนเนื้อร้าย  


วันที่ 4 ธันวาคม 2567  ลูกสาวจึงพาแม่เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลในกทม. โดยระหว่างนั้นก็ได้นำแม่มาฝากไว้กับน้าสาว เพราะตนเองต้องกลับไปทำธุระเรื่องลูก ที่จังหวัดเพชรบุรี สองวันต่อมาน้าสาวได้ติดต่อและพาแม่ไปรักษากับหมอสมุนไพรในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยอ้างว่ามีคนแนะนำมาอีกที


สถานที่ที่เรียกว่าสถานรักษาที่อำเภอกบินทร์บุรีนั้น แท้จริงคือบ้านกลางป่า ซึ่งไม่มีอุปกรณ์หรือบุคลากรทางการแพทย์ใด ๆ มีเพียงสองสามีภรรยาที่อ้างตัวว่าเป็นหมอสมุนไพร ใช้วิธีให้ผู้ป่วยดื่มน้ำต้มสมุนไพรจากดอกดาวเรือง และมีการฉีดยาที่ไม่ทราบแหล่งที่มา อีกทั้งยังสั่งห้ามผู้ป่วยรับประทานยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน โดยอ้างว่า “มีแต่สเตียรอยด์”


หลังจากผ่านไป 5 วัน ลูกสาวได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าแม่ของเธอหมดสติและถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ก่อนจะเข้ารับการรักษาในห้อง ICU ได้เพียง 9 วัน แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจาก “สมองตาย”


ลูกสาวของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้หลังแม่เสียชีวิตไปแล้ว 3 เดือน เพราะว่าทนไม่ได้ที่ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะคนที่เป็นพาแม่ไปรักษาในสถานที่ลักษณะนั้น แต่กลับพยายามบอกกับญาติคนอื่นว่าตนเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของแม่


ลูกสาวของผู้เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนไม่ได้อยากได้เงิน ตนไม่ได้อยากดัง แต่ตนแค่อยากให้คนที่เกี่ยวข้องออกมายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่โยนความผิดให้ตน


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบ สถานที่ที่อ้างว่าเป็น สถานรักษาอาการป่วยด้วยสมุนไพร โดยไปในพื้นที่ หมู่ที่ 8 ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งพบว่าสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยการเดินทางถนนส่วนใหญ่เป็นทางลูกรัง สองข้างทางเป็นป่ายูคาลิปตัส และไร่ข้าวโพด  


เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่ดังกล่าวก็พบว่ามีห้องแถวตั้งอยู่ 4 ห้อง ด้านหน้ามีป้ายเขียนติดว่า “บ้านพัก...” ถัดไปมีบ้านชั้นเดียวตั้งอยู่ และถัดจากนั้นก็มี ศาลาลักษณะคล้ายที่พำนักสงฆ์ เมื่อสังเกตดูในตู้กระจกที่ตั้งอยู่ในศาลาก็พบว่ามีถุงพลาสติกวางอยู่หลายถุง ด้านในบรรจุผงต่างๆ โดยแต่ละถุงมีตัวอักษรเขียนระบุเอาไว้ชัดเจน อย่างเช่น กระดูก + ว่านต่างๆ , ดอกผักโขม , ดอกดาวเรือง นอกจากนี้ยังมี รากกระชายอบแห้ง  


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พบกับ หญิงรายหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากบ้านชั้นเดียว โดยบอกว่าตัวเองเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน ตอนนี้อยู่บ้านกับลูกๆ ส่วนสามีไปซ่อมรถในตัวเมือง อำเภอกบินทร์บุรี  ผู้สื่อข่าวจึงทำทีขอสอบถามข้อมูล และให้หญิงรายดังกล่าวพาเดินดูโรงกลั่นสมุนไพร ซึ่งหญิงรายดังกล่าวได้ให้ข้อมูลบอกว่า สถานที่แห่งนี้ สามีของเธอเป็นเจ้าของ โดยก่อนหน้านี้สามีของเธอ เคยบวชเป็นพระนานกว่า 16 พรรษา ซึ่งระหว่างที่บวชอยู่นั้น แม่ของสามีได้กินยาเพื่อพยายามที่จะจบชีวิตตัวเอง เมื่อนำไปส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่า รักษาไม่ทันแล้วให้พากลับบ้านได้เลย ตัวสามีจึงได้มีการศึกษาเรื่องยาสมุนไพร และได้ทดลองรักษาแม่ตัวเองจนอยู่ต่อได้มาอีก 20 ปี


ต่อมาได้มีการศึกษาหาความรู้มาเรื่อย ๆ เป็นกลายมาเป็นยากลั่นสมุนไพร ที่ใช้วิธีเดียวกับการกลั่นสุรา เปิดสมุนไพรที่ใช้รักษา ก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่อาการของผู้ป่วยคนนั้นๆ เมื่อได้ตัวยาที่กลั่นออกมาแล้ว จะใช้วิธีการฉีดเข้าเส้นเลือดดำและการต้มเป็นยาดื่ม

 


หญิงรายนี้ดังกล่าวยังบอกอีกว่า ในอดีตสถานที่แห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งปัจจุบันมีพระสงฆ์อาศัยอยู่ 2 รูป  โดยยอมรับว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข  แต่ด้วยเจตนาที่อยากจะช่วยเหลือคน จึงได้มีการแอบทำ โดยผู้ป่วยที่มาส่วนใหญ่ จะมาจากปากต่อปาก ซึ่งเคยมีคนดังและข้าราชการของประเทศไทยเคยมารักษาที่นี่ด้วย


ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับพระสงฆ์รูปที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้  พร้อมเปิดเผยว่าก่อนหน้าที่อาตมาจะบวชเป็นพระ เคยทำงานอยู่ในโรงพิมพ์ และได้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย จนทำให้มีอาการป่วย แต่พอมาเป็นพระและได้ทดลองกินยาสมุนไพรที่อาจารย์คิดค้น จากนั้นอาการก็เริ่มดีขึ้น ส่วนตัวทราบดีว่า ยาสมุนไพรดังกล่าว ไม่มีเอกสารรับรอง แต่ด้วยความเชื่อ และมองว่า การรักษาแบบนี้เป็นวิธีสุดท้าย ที่จะช่วยชีวิตตนได้ จึงได้ตัดสินใจรักษากับอาจารย์


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ความเชื่อส่วนบุคคล#ยาสมุนไพร#สูญเสียแม่#โหนกระแส