จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งเหตุ ชาย อายุ 23 ปี เจ้าของโต๊ะจีน ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต แล้วชิงสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ หลบหนีไป จาการสืบสวน ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นหญิง อายุ 28 ปี และเป็นพี่สาวต่างแม่ของผู้เสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.อ.มนัส อัดโดดร ผกก.สภ.อุทัย รับการประสานงานจาก พ.ต.ต. สำราญ บัวเย็น สว.สส.เมืองนครปฐม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม สืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุหลบหนีมาเช่าห้องพักแห่งหนึ่งใน ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.อุทัย พร้อมหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม จับกุมตัวได้ภายในห้องเช่า ขณะกำลังนอนหลับพักผ่อน พร้อมด้วยของกลางเป็นสร้อยทองหนัก3 บาท จยย. หมวกกันน็อก และเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเกตุ
ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนเองมีความน้อยใจที่พ่อรักน้องชายมากกว่า รู้สึกว่าพ่อไม่รักตนเลย ประกอบกับมีปัญหาหนี้สิน ซึ่งเคยขอความช่วยเหลือจากพ่อแล้ว
วันเกิดเหตุได้โทรตามน้องชายให้ออกมาพบที่เกิดเหตุ พูดคุยกันแล้วมีปากเสียงกัน จึงใช้อาวุธมีดแทงน้องไปหลายครั้ง แล้วอุ้มน้องขึ้นรถเพื่อจะพาไปส่ง รพ. แต่มีคนผ่านมาพอดี จึงขอสร้อยทองจากน้อง น้องก็ถอดสร้อยทองให้ จากนั้นก็ขี่ จยย. หลบหนี ตั้งใจที่จะไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตรวจที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี แต่มาถูกจับกุมก่อน
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหายังให้การขัดแย้งกับพฤติกรรม และขัดแย้งกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่น่าจะเกิดจากแค่ความน้อยเนื้อต่ำใจที่พ่อรักน้องชายมากกว่า ผู้ต้องหาอาจจะมีความประสงค์ต่อทรัพย์ และจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหามีหนี้สิน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการสืบสวนขยายผลของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ที่จะดำเนินการต่อไป คดีนี้เป็นคดีที่สะเทือนขวัญ พี่น้องกันแม้จะต่างแม่ก็ไม่น่าที่จะก่อเหตุขนาดนี้