เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 รายการ โหนกระแส ได้เชิญแฟนสาวของดีเจเตเต้ และพ่อของดีเจเตเต้ มาร่วมพูดคุยเปิดใจ กรณีการเสียชีวิตของดีเจเตเต้ หรือ นายวราพงษ์ อายุ 33 ปี ซึ่งถูกอุ้มหายไปตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนพบศพในป่าลึก บ้านทุ่งนานางหรอก หมู่ 3 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม โดยศพอยู่ในสภาพนอนตะแคง ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกเปลสีเขียว และมีบาดแผลลักษณะคล้ายถูกยิงที่กระหม่อม 2 นัด
นิด แฟนสาวของดีเจเตเต้ ให้ข้อมูลว่า ย้อนกลับไป คืนวันที่ 13 พ.ค. ดีเจเตเต้ รับงานเอนเตอร์เทนลูกค้าในผับแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นงานวันเกิดของหญิงสาวรายหนึ่ง ตามข้อมูลจากผู้จัดการผับ ดีเจเตเต้ไม่ได้เป็นพนักงานประจำของร้าน แต่รับงานเฉพาะกิจในลักษณะของเด็กเอ็นฯ หรือเอนเตอร์เทนลูกค้า โดยคืนวันเกิดเหตุ มีโต๊ะจัดเลี้ยงลูกค้าประมาณ 10 กว่าคน เป็นผู้หญิง 8 คน และผู้ชายอีก 4 คน ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งใด ๆ เกิดขึ้นภายในร้าน
แต่นิดตื่นมาช่วงตี 5 เตเต้น่าจะเลิกงานแล้ว แต่ยังไม่กลับบ้าน โทรหาไม่รับ จนช่วงสายก็ยังไม่รับ จึงไปขับรถตามหาทั้งที่ผับที่ไปทำงาน ไล่ดูมาตามทาง ว่าเขาจอดรถนอนหลับที่ไหนหรือไม่ ก็ไม่เจอ เพื่อนๆ ก็บอกว่าจะช่วยกันตามหา จนกระทั่งไปเจอรถของเตเต้ จอดไว้ที่ หมู่บ้านพฤกษากาญจน์ 5 ซอย 7 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับบ้านของ “นางสาวนิตยา”
นิดเล่าอีกว่า เพิ่งมาทราบว่า เตเต้ แอบมีโลกอีกใบ คือ นางสาวนิตยา จากการสอบถามนิตยา ทราบว่า หลังเลิกงานตอนกลางดึกวันที่ 13 ต่อเนื่องเช้า 14 พ.ค. เตเต้ขับรถไปหา นิตยา ที่บ้าน ขณะอยู่ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่ยังคงคุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งในระหว่างนั้นดีเจเตเต้สังเกตว่ามีรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ได้แก่รถกระบะสีขาวและเก๋งสีดำ ขับตามประกบ จนเมื่อไปถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านพฤกษากาญจน์ 5 และจอดรถ รถทั้งสองคันก็ขับมาประกบ แล้วมีชายหลายคนลงจากรถ ตะโกนสั่งให้ดีเจเตเต้ลงจากรถไปขึ้นรถของพวกเขา
หลักฐานจากกล้องวงจรปิดระบุว่า เหตุเกิดเวลา 03.53 น. มีเสียงคนตะโกนให้ดีเจเตเต้ “ลงจากรถ” และเสียงของดีเจเตเต้พูดตอบว่า “อะไรพี่?” ก่อนที่ชายเหล่านั้นจะบังคับให้ดีเจเตเต้ขึ้นรถเก๋งสีดำ ซึ่งรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งรถยนต์ของดีเจเตเต้ไว้ในจุดเกิดเหตุ
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดพบศพ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่า ต้องใช้รถโฟร์วีลขับลุยเข้าไปถึง 20 นาที ก่อนเดินเท้าเข้าไปพบศพ ด้านชาวบ้านที่ไปหาเห็ดในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่าเห็นขาคนโผล่ออกมาจากชายป่าเมื่อ 3 วันก่อน แต่ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ ๆ กระทั่งกลับไปบ้านแล้วภาพดังกล่าววนเวียนอยู่ในหัวทั้งคืน เมื่อเห็นข่าวการหายตัวของดีเจเตเต้ จึงกลับไปตรวจสอบอีกครั้งและพบเสื้อผ้าที่ตรงกับที่ดีเจเตเต้ใส่ในวันหายตัวไป จึงรีบแจ้งตำรวจ
ก่อนหน้านี้ตำรวจตั้งประเด็นชู้สาวเป็นแรงจูงใจหลักของการอุ้มฆ่า เนื่องจากดีเจเตเต้หน้าตาดีและมีหญิงสาวมาติดพันหลายคน หนึ่งในนั้นคือหญิงที่มีสามีอยู่แล้ว ชื่อว่า น.ส.น้ำ ซึ่งเป็นภรรยาของ “นายมุ้ย” ผู้ต้องหาคดีค้ายารายใหญ่ใน จ.กาญจนบุรี และมีหมายจับติดตัวอยู่ ปัจจุบันหนีคดีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
โดยนายมุ้ยเคยส่งคนไปเคลียร์ให้เลิกยุ่งกับ น.ส.น้ำ แต่ไม่สำเร็จ คาดว่าเรื่องนี้อาจจะนำมาสู่การอุ้มฆ่าในครั้งนี้ และเชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะทำเป็นขบวนการ
โดยเมื่อวานนี้ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ได้พาบิดาและญาติของดีเจเตเต้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เร่งดำเนินการคดีอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ยังได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในคดีอุ้มฆ่า เป็นข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้นอำพรางศพ
ทนายรณณรงค์ บอกว่า ทราบมาจากสายข่าวว่า “น้ำ” หนีข้ามฝั่งไปฝั่งเพื่อนบ้านตั้งแต่วันที่เตเต้โดนอุ้ม และที่บอกว่า เตเต้เคยถูกตบหน้าในผับ ก็เพราะว่าถูกขู่ให้เลิกยุ่งกับน้ำ แต่พอไม่เลิก ก็อาจจะนำมาสู่เหตุการณ์นี้ ทราบว่าล่าสุด ผู้ต้องหาไม่มีใครให้การซัดทอดไปถึงมุ้ยเลยสักคน และที่บอกว่าน้ำอ้างว่า เลิกรากับมุ้ยมานานแล้ว ก็ต้องถามว่า แล้วจะหนีไปทำไม ถ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่รู้เรื่อง ก็ให้กลับมาให้การกับตำรวจก่อน
พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวสจภูธร จ.กาญจนบุรี เผยว่า ล่าสุด ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 ราย ประกอบด้วย นายนพพิจิตร, นายธราเทพ, นายภคนัท และนายณรงค์เดช ซึ่งทั้งหมดถูกตั้งข้อหา 12 กระทง โดยในจำนวนนี้มีข้อหาหนัก 5 ข้อ ได้แก่ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยข่มขู่ให้กลัวว่าจะได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือเสรีภาพ และกระทำผิดโดยมีลักษณะคล้ายอั้งยี่หรือซ่องโจร, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและซ่อนเร้นทำลายศพ, ร่วมกันกระทำต่อศพก่อนการชันสูตร, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดตามกฎหมาย
ขณะนี้มีผู้ต้องหาในคดีนี้รวมทั้งสิ้น 5 คน โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายธนเดช เชื้อทองได้แล้ว และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือตามหมายจับอีก 4 รายเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายธนเดช เชื้อทอง ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีอุ้มหายดีเจเตเต้ เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นางสาวน้ำ ภรรยาของนายมุ้ย ผู้ที่เชื่อว่าเป็นผู้สั่งการฆ่าดีเจเตเต้ ตอนนี้ไม่อยู่ที่บ้านแล้ว แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่า อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจริงไหม
ด้านนายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ หลังได้ฟังเรื่องร่องรอยกระสุน ที่ร่างของลูกชาย ว่ามีรอยกระสุนถึง 3 รูที่ศีรษะ ทั้งที่ถูกมัดมือมัดเท้า ทำให้คุณพ่อถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะสิ่งที่ลูกเจอโหดร้ายเกินไป