หญิงรายหนึ่งร้องเรียนมาทางเพจโหนกระแส โดยเล่าว่า หลานชายถูกเจ้าของหอพักแห่งหนึ่ง ในจ.ปทุมธานี ค้นกระเป๋า และยึดเอกสารไป ซึ่งวันเกิดเหตุ คือวันที่ 7 เม.ย. 68 หลานชายของตนกลับจากต่างจังหวัด และเข้าไปที่หอพัก เพื่อจะเข้าห้องไปเอาเอกสารสำคัญในการผ่อนผันทหาร และอุปกรณ์ในการสอบ พอหิ้วกระเป๋าลงมาก็เจอป้าเจ้าของหอถามว่า จะย้ายออกแล้วเหรอ หลานชายตนก็ตอบว่า ใช่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพี่สาวตนซึ่งเป็นแม่และหลานชายเคยโทรไปแจ้งเจ้าของหอไว้แล้วว่าจะย้ายออก
แต่วันที่เกิดเรื่อง พอเจ้าของหอเห็นหลานตนแบกกระเป๋าลงมาก็โมโหแล้วพูดสวนกลับมาว่า จะออกได้ยังไง ไม่เห็นแจ้งอะไรเลย แล้วก็โทรแจ้งลูกสาวของเขาให้มาตรวจห้อง ซึ่งหลานตนก็วางกระเป๋าไว้ที่ชั้นล่างและขึ้นไปตรวจห้องกับลูกสาวเจ้าของหอ
แต่พอตรวจเสร็จแล้วเดินลงมา หลานตนก็เห็นเจ้าของหอกำลังรื้อกระเป๋า และหยิบของที่อยู่ในกระเป๋าไปไว้ในห้องตัวเอง ซึ่งลูกสาวของเจ้าของหอก็เห็น และพูดประมาณว่า แม่เอาของคืนเขาไป พอเจ้าของหอได้ยินก็เอามือบีบปากลูกสาว และบอกว่าอย่าพูด ไม่ต้องพูด
ซึ่งหลานตนก็งงว่า เจ้าของหอมีสิทธิ์อะไรมาค้นกระเป๋าแล้วยึดเอกสารราชการ ทั้งบัตรประชาชน ใบขับขี่ ไอแพด และอุปกรณ์การสอบไปทำไม ตอนนั้นหลานตนก็กลัว ไม่รู้จะทำยังไง จึงโทรหาตน หลังเกิดเหตุก็ไปแจ้งความ ซึ่งตำรวจพามาที่ป้อมมหาวิทยาลัย เพราะยังไม่อยากให้ผู้ปกครองเข้าไปที่หอ เพราะมีเรื่องฟ้องร้องบ่อย ถ้ามีคนเข้าไปจะโดนข้อหาบุกรุก ขนาดไรเดอร์มาส่งอาหารยังเคยโดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ สภ.ปากคลองรังสิต ก็แนะนำให้หาทนายส่งฟ้อง และบอกว่าหอนี้มีเรื่องบ่อยมาก หลังจากนั้นตนก็โพสต์เล่าเรื่องราวแต่ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อหอ
ต่อมา ลูกสาวเจ้าของหอก็ติดต่อมา ต้องการคำตอบแค่ว่าตนเป็นคนโพสต์ใช่ไหม เพราะตนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องฟ้องแน่ แล้วเขาก็อธิบายว่าสัญญามัน 48 เดือนแต่เราออกก่อน ต้องเอาเงินมาจ่าย 15,000 บาท เป็นค่าปรับของเดือน เม.ย และเดือน พ.ค. รวมเป็นเงิน 9,000 บาท ซึ่งพี่สาวตนก็ถามว่า แล้วที่จ่ายไปวันที่ 3 เม.ย.ไม่นับเหรอ เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยว ที่จ่ายมาเป็นเดือนสุดท้ายถ้าอยู่ครบสัญญา คือ 4 ปี หรือ 48 เดือน
ซึ่งจริงๆ แล้วสัญญาเขียนไว้แค่ 14 เดือน แต่ตอนที่เขาเอามาให้เซ็นก็เอาปากกาขีดฆ่า เขียนใหม่เป็น 48 เดือน ตอนจะเซ็น เจ้าของหอเขาก็พูดว่าเอาไป 48 เดือนเลย เป็นโปรโมชัน มีส่วนลด แต่พอเกิดเรื่อง หลานชายตนออกก่อนครบสัญญา จึงต้องจ่าย 15,000 บาท เพราะละเมิดสัญญา โดยเขาบอกว่าเป็นค่าปรับ ค่าล้างแอร์ ค่าซักผ้าม่าน ตนก็รู้สึกว่าไม่ใช่ เพราะจริงๆ แล้วเรามีเงินมัดจำอยู่แล้ว 15,000 ตอนแรก แต่เขาไม่หักตรงนั้น เขาจะมาเก็บเพิ่ม โดยอ้างว่าหลานตนผิดสัญญาเอง
ตนก็ถามว่า ถึงจะผิดสัญญาหรือไม่ก็ไม่ควรที่จะมารื้อกระเป่าแล้วยึดของหลานไปไว้ที่ตัวเองไหม มันผิด เขาก็บอกว่าไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แล้วยังบอกอีกว่าหลานชายตนโกหก ตนก็เลยถามกลับไปว่า ในเมื่อไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วรู้ได้ยังไงว่าหลานชายโกหก เขาก็บอกว่ามีกล้องวงจรปิด ตนจึงสวนไปว่าถ้าอย่างนั้นขอดูกล้อง ต้องมีให้ดูด้วยนะ เขาก็รีบตอบปัดๆ ไป
จริงๆ แล้วหลานตนก็ไม่ค่อยโอเคที่จะอยู่หอนี้ต่อ โดยก่อนหน้านี้ที่จะเข้ามาเช่าก็เคยเข้าไปดูรีวิวก็ไม่ค่อยดี พอวันที่มาดูห้อง เขาก็ไม่ให้ดูห้องจริง อ้างว่าจะรบกวนคนอื่นที่อยู่ ตอนนั้นก็รู้สึกว่าแปลกๆ เพราะแค่มาดูห้อง ไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของใคร แต่วันที่จอง พี่สาวกับหลานชายตนไม่ได้ติดอะไร จึงทำการจองและก็อยู่มาเรื่อยๆ 3 ปี จนวันที่หลานย้ายออกก็มีปัญหาดังกล่าว
ซึ่งเท่าที่ตนรู้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มีทั้งคนที่เคยโดนตอนปี 2550 ส่งเรื่องมาให้ตน และก็ยังมีนักศึกษาที่เคยอยู่หอนี้ตอนปี 2560 มาเล่าว่าเคยโดนเก็บค่าอินเตอร์เน็ตคนละ 10,000 บาท ซึ่งอยู่กัน 3 คนในห้องเดียว ต้องจ่ายรวม 30,000 พอไม่ยอม จนมีการฟ้องร้องกัน
ตนเห็นว่า เขาทำแบบนี้มาหลายครั้ง ซึ่งตนไม่ยอม จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จากวันนั้นถึงวันนี้เขาก็ยังไม่คืนของให้กับหลานชายตน ซึ่งยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการกระทำไม่น่าให้อภัย ไม่อยากให้มีเด็กตกเป็นเหยื่อหอพักแห่งนี้อีก โดยตอนนี้ตนได้ให้ทนายความรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีด้วย