หญิงคนหนึ่งได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากโหนกระแส โดยเผยว่า พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า จ.เชียงราย โดนมิจฉาชีพคู่สามีภรรยาหลอกเอาเงินไป มีเหยื่อประมาณ 15 คน รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
พฤติการณ์ คือ สามีอ้างว่าเป็นเจ้าของโรงสี 2 แห่ง อยู่ใน จ.ชัยภูมิ และ จ.เชียงราย ส่วนภรรยาอ้างตนว่าเป็นทนายความ จดจัดตั้ง หจก. สำนักงานกฎหมาย หลอกชาวบ้านว่าจะรับว่าความในคดีให้ แต่สุดท้ายก็มาทราบภายหลังว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ได้เป็นทนายความ ไม่มีรายชื่ออยู่ในสภาทนายความ
ทั้งยังมีการหลอกชาวบ้านให้นำเงินมาร่วมลงทุนในโรงสีข้าว ชาวบ้านกลุ่มนึงโดนไป 6 ล้านบาท ส่วนอีกกลุ่มโดนไปคนละ 1-2 แสนบาท อ้างว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปจัดตั้งโรงสี และจะแบ่งผลกำไรให้ชาวบ้าน ข้ามไปหลอกชาวบ้านฝั่งท่าขี้เหล็กอีกประมาณ 800,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีการหลอกขายที่ดินให้ชาวบ้าน ให้ชาวบ้านวางเงินวัดจำไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นกลับนำที่ดินไปขายให้คนอื่น โดยไม่คืนเงินมัดจำ
ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วนได้เข้าแจ้งความแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านอีกส่วนที่กลัว ไม่กล้าดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเชื่อว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นทนายความ ซึ่งเขายังขู่ชาวบ้านไว้ว่าจะฟ้องชาวบ้านที่ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง
วันหนึ่งขณะที่หญิงผู้ร้องเรียนไปขึ้นเช็คที่ธนาคาร ธนาคารบอกว่า ชื่อนี้เขาออกเช็คหลายครั้งมาก และเช็คก็เด้งหลายใบมาก แต่ไม่มีใครดำเนินคดี
ชาวบ้านชาวอาข่าเป็นชนกลุ่มน้อย พูดภาษาไทยไม่คล่อ บางส่วนมีบัตรประชาชน แต่บางส่วนก็ยังไม่มี ทำอาชีพเกษตรกรและค้าขายทั่วไป เขาถือเงินสดไว้ เขาเก็บเงินสดมาทั้งชีวิต แล้วเขาก็มาหลงเชื่อสองสามีภรรยาคู่นี้เพราะคำว่า ‘ลงทุน’
ตอนนี้สองสามีภรรยาหนีกลับไปที่ จ.ชัยภูมิ แล้ว แต่ยังได้ข่าวว่าจะไปหลอกขายที่ดินที่ จ.ชัยภูมิ และกำลังจะหลอกขายโรงสีข้าวให้กับคนอื่นอีก ซึ่งจากการสอบถามญาติใหล้ชิดของหญิงที่อ้างเป็นทนาย ญาติเผยว่า โรงสีนี้ถูกขายไปตั้งนานแล้ว
ผู้ร้องเรียนและผู้เสียหายอยากมาขอความช่วยเหลือ อยากให้ทุกคนช่วยกระจายข่าวเรื่องนี้ เผื่อว่าทางตำรวจจะช่วยเร่งรัดดำเนินคดีให้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบหญิงผู้ร้องเรียน ซึ่งเปิดเผยว่า วันนี้ได้ไปแจ้งความที่ สภ.แม่สาย เพราะที่ตั้งโรงสีข้าวที่เขากล่าวอ้างอยู่ในพื้นที่ อ.แม่สาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความ โดยระบุว่าไม่ใช่การฉ้อโกงประชาชน และให้ตนไปแยกแจ้งความตามสลิปโอนเงิน ซึ่งตนโอนเงินกว่า 200 ครั้ง มีทั้ง จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ชัยภูมิ กรุงเทพฯ หรือแม้แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นก็เคยโอน ถ้าให้ไปทุกที่คงไม่ไหว
ตนจึงได้โทรปรึกษาอัยการคุ้มครองสิทธิ์ จ.เชียงราย เขาบอกว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน เพราะมีผู้เสียหายทั่วราชอาณาจักร ให้ไปแจ้งความในพื้นที่ที่ทราบว่าโดนหลอกได้เลย และได้นัดหมายให้ตนเข้าไปแจ้งความที่ สภ.แม่สาย ใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 10.00 น.