มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

เปิดเบื้องลึก “ทิดแย้ม-สีกาเก็น” เงินเป็นร้อยล้าน เอาออกมายังไง แล้วเอาไปไหน ล้างบางทั้งหมดนี้ได้ เพราะบัตรสนเท่ห์ใบเดียว


ข่าวด่วน
20 พฤษภาคม 25684,840
เปิดเบื้องลึก “ทิดแย้ม-สีกาเก็น” เงินเป็นร้อยล้าน เอาออกมายังไง แล้วเอาไปไหน ล้างบางทั้งหมดนี้ได้ เพราะบัตรสนเท่ห์ใบเดียว

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.ชุดสืบสวนจับกุม อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือ ทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ฐานกระทำการทุจริตโดยยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนไปยังบัญชีส่วนตัว เพื่อนำไปเล่นพนันบาคาราออนไลน์ รวมมูลค่ากว่า 847 ล้านบาท

 

จุดเริ่มต้นของคดีนี้เกิดจาก “บัตรสนเท่ห์” ซึ่งเป็นจดหมายร้องเรียนจากประชาชนที่ส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดไร่ขิงและอดีตพระธรรมวชิรานุวัตรในขณะยังดำรงตำแหน่ง โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า พระธรรมวชิรานุวัตรได้มีการยืมเงินจากเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในเขตปกครองของตน รวมถึงจากนักธุรกิจและนักการเมืองที่รู้จัก โดยอ้างว่าจะนำเงินไปใช้ในกิจการของวัดไร่ขิง

 

ยอดเงินที่ถูกยืมมีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักสิบล้านบาท รวมกันเกือบ 300 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีการนำเงินรายได้จากงานประจำปีของวัดระหว่างปี 2564–2566 และเงินจากมูลนิธิต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัดไปอีกกว่า 100 ล้านบาท

 

ในเอกสารยังอ้างว่า พระธรรมวชิรานุวัตรได้นำเงินทั้งหมดไปเข้าบัญชีส่วนตัวในธนาคารกสิกรไทย รวม 4 บัญชี และไม่มีการนำไปใช้ในกิจการของวัดตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีการโอนเงินให้กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่น่าสงสัย ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามระเบียบการจ่ายเงินผลประโยชน์ของวัด พ.ศ. 2553

 

การร้องเรียนนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การส่งสายสืบ แฝงตัวเข้าไปเก็บข้อมูล เก็บหลักฐาน และสืบสวนขยายผล ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมและดำเนินคดีกับอดีตพระระดับสูงรายนี้ในที่สุด

 

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พบว่ารายได้บางส่วนของวัดมาจากการจัดงาน ซึ่งแต่ละครั้งมีรายได้ประมาณ 17-18 ล้านบาท เงินถูกนำเข้าบัญชีวัด ก่อนจะถูกสั่งให้กดเป็นเงินสดออกมา แล้วฝากเข้าบัญชีนายแย้ม หรือบัญชีของ  น.ส.เก็น การตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เส้นทางการเงินของวัดมีความเชื่อมโยงกับบุคคลหลายราย โดยเฉพาะการเบิกจ่ายเงินของวัด ซึ่งมีการตั้งเบิกพร้อมให้ลงลายเซ็นไว้ล่วงหน้า

 

ทั้งนี้ บัญชีแต่ละบัญชีของวัดจะมีผู้ดูแลประกอบด้วย ไวยาวัจกร 1 คน กรรมการวัด 2 คน และพระ 1 รูป โดยการเบิกจ่ายเงินจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก 3 ใน 4 รายชื่อดังกล่าว

 

ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบตู้รับบริจาคของวัด พบว่าในวันธรรมดาวัดมีรายได้ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ส่วนในวันหยุดยาวหรือวันสำคัญทางศาสนา มีรายได้เฉลี่ยวันละ 1 ล้านบาท

 

รายงานยังระบุว่า ขณะนี้กองบังคับการสอบสวนกลาง เตรียมยื่นขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์จากวัด และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการเงินของวัด

 

พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. เล่าอีกว่า ความสัมพันธ์ของนายแย้มกับ น.ส.เก็น มีมิติที่ลึกซึ้งเกินกว่าความสัมพันธ์ทั่วไป หลังพบว่าทั้งคู่เริ่มสนิทกันตั้งแต่ปี 2563 และมีการวิดีโอคอลพูดคุยในลักษณะลามกอนาจารบ่อยครั้ง

 

คลิปลับดังกล่าวถูก น.ส.เก็นใช้แบล็กเมล์ข่มขู่นายแย้ม โดยโทรเรียกเงินจำนวนมากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อ้างว่าต้องจ่ายหนี้เพื่อไถ่ถอนโทรศัพท์ที่มีคลิปจากเจ้าหนี้ในตลาดแห่งหนึ่ง เมื่อความจริงเปิดเผยว่า น.ส.เก็นโกหกเพียงเพื่อเรียกเงิน นายแย้มจึงปรึกษาลูกศิษย์ ก่อนจะบังคับให้ น.ส.เก็นนำมือถือมาทุบทำลายต่อหน้า และยุติความสัมพันธ์ลง

 

แต่เมื่อถามว่า แล้วกรณีที่มีการอ้างว่า มีคลิปเสียง “อาตมาใกล้แล้ว..” มีที่มาที่ไปอย่างไร ทาง พ.ต.อ.ภัทราวุธ บอกว่า ตอนนี้หลักฐานที่กองปราบมี ไม่มีคลิปเสียงที่ว่านี้ แต่ทราบจากเก็นว่า อาจจะอยู่ในมือถือที่ถูกตำรวจไซเบอร์ยึดเอาไว้ ตั้งแต่ถูกดำเนินคดีเก่า ซึ่งยืนยันว่า เท่าที่เห็นพยานหลักฐาน ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงที่เชื่อได้ว่า ทิดแย้ม กับ เก็น จะเคยมีสัมพันธ์ทางกายต่อกัน มีแต่เพียงการวิดีโอคอลเท่านั้น

 

รายได้ของวัด เท่าที่ตรวจสอบมีทั้งหมด 7 ทาง

  1. ตู้บริจาค
  2. สังฆทาน
  3. จำหน่ายวัตถุมงคล
  4. ตลาดนัด
  5. จำหน่ายขนมปังปลา
  6. ค่าเช่าธรณีสงฆ์
  7. ร้านค้าประจำปี

ตรวจสอบย้อนหลังไป รายได้ในอดีตมาจนถึงปี 2564 เงินรายได้จากร้านค้า จะเข้าบัญชีวัด แต่พอปี 2565 เป็นต้นมา รายได้จากร้านค้าประจำปี จะเน้นเก็บเป็นเงินสดเท่านั้น แล้วจะเอาเงินสดไปเก็บที่กุฏิเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบคือปีละ 30 กว่าล้าน แต่ตอนที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในวัด ในกุฏิ กลับไม่พบเงินดังกล่าว ต้องสืบสวนต่อว่าเงินหายไปไหน

 

ด้าน แพรรี่ ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต้องทำให้ชัดเจน กฎหมายบ้านเมืองก็ว่าไป แล้ววินัยสงฆ์ก็ต้องทำให้ละเอียดชัดเจน เพราะถ้าไม่ทำให้มันชัด เขามีช่องทางหลบเลี่ยงอะไรต่างๆ นานา เขาก็อาจจะกลับมาบวชใหม่ได้ เรื่องทรัพย์กับพระมันปาราชิกแน่นอน เฉพาะพระมีไถยจิตปรากฎขึ้น  หรือทำให้ทรัพย์เคลื่อนไป ก็ถือว่าปาราชิก ขาดจากความเป็นพระแล้ว แล้วยิ่งเป็นพระระดับเจ้าคณะภาค 14 ปกครองตั้งกี่วัดกี่จังหวัด ก็ต้องฝากเรื่องนี้ให้ทางเจ้าคณะหนกลาง ไปทำให้ชัดเจนด้วย

 

ต่อมา มีการเปิดเผยข้อมูลระบุว่า พบเส้นทางเงินของ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (ทิดแย้ม)  พบเส้นเงินที่หลายๆ วัดในจังหวัดนครปฐม ส่งให้ ทิดแย้ม ขณะดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 14 สมัยแรก  ครั้งละ 1-3 ล้านบาท 

1. วัด “ส.”  ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม  รายได้ : งานปิดทองลูกนิมิต 9 วัด 99 ลูก ประจำปี 

2. วัด “ม.” อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ต.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รายได้ : เจิมหน้าลงนะหน้าทอง และตู้หยอดทำบุญ 

3. วัด “ศ.” ต.ศีรษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รายได้ : สร้างวัตถุมงคลเหรียญพระราหู 

4. วัด “ก.”  ต.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รายได้ : สร้างวัตถุมงคลเหรียญเจ้าสัว 

 

คาดว่าเงินทั้งหมดนี้ เป็นเงินซื้อขาย ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล

 

ขณะที่เก็น ให้การสารภาพว่า มีการวิดีโอคอลกับอดีตเจ้าอาวาสในทางเพศจริง และมีการรับเงินมาจากอดีตเจ้าอาวาส แล้วเอาไปเล่นพนันจริงๆ บางส่วนก็เอาไปซื้อทรัพย์สิน โดยเท่าที่เก็นให้การ ก็คือ ไปทะเลาะกับเจ้าอาวาสแค่จุดเดียว คือเรื่องที่เอาเรื่องคลิปเสียง ไปข่มขู่แบล็กเมล จนนำไปสู่การเรียกตัวมาทุบโทรศัพท์ดังกล่าว ส่วนทางเก็นมีสามี แต่จากการสอบสวนจนถึง ณ ขณะนี้ ยังไม่พบว่าสามีมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด แต่ยังต้องสืบสวนต่ออีก

 

อีกหนึ่งประเด็นที่ทางชุดสืบสวนสามารถยืนยันได้ และต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาก็คือ ทิดแย้มไม่ได้ถูกบังคับให้สึก เจ้าตัวสมัครใจมาพบตำรวจ และสมัครใจจะลาสิกขาเอง แต่เมื่อออกหมายจับไปแล้ว ก็ต้องจับกุมตามหมายจับ จะมาพบตำรวจเองก็ไม่ถือว่าเป็นการมอบตัว 

 

พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. ยืนยันอีกครั้งว่า ทิดแย้ม ไม่ได้มีการเล่นการพนัน  คนที่เล่นคือสีกาเก็น ตอนที่ทางเก็นถูก บช.สอท.จับกุมเมื่อปีที่แล้ว สีกาเก็นติดต่อมาขอให้อดีตเจ้าอาวาสช่วยประกันตัว ท่านก็น่าจะเพิ่งรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่า สีกาเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน 

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ทิดแย้ม#สีกาเก็น