ชาย อายุ 86 ปี อดีตผู้จัดการธนาคาร นำหลักฐานเอกสารต่างๆ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้มุกเดิมอุบายเดิม หลอกว่าเป็นตำรวจ แล้ววิดีโอคอลแจ้งว่าบัญชีธนาคารของเหยื่อมีส่วนพัวพันกับแก๊งสีเทา เป็นบัญชีผ่านของพวกบัญชีม้า ให้โอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีมาตรวจสอบ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27มิ.ย. ที่ผ่านมา มีชายอ้างว่าเป็นตำรวจ ยศพันตำรวจโท ตำแหน่งรองผู้กำกับ สภ.เมืองสุรินทร์ โทรเข้ามาที่เบอร์โทรศัพท์มือถือของตน และบอกว่าตรวจพบว่าบัญชีตนมีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทา เป็นทางผ่านของบัญชีมาหลายบัญชี ให้ตนโอนเงินในบัญชีมาให้ตรวจสอบ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี แต่หากพบว่าไม่มีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทา ก็จะคืนเงินทั้งหมดให้ และจะมีเงินเยียวยาให้ก้อนหนึ่ง
ตนหลงเชื่อสนิทใจ เนื่องจากมิจฉาชีพเปิดกล้องและวิดีโอคอลแต่งชุดตำรวจ เขารู้กระทั่งว่ามีเงินโอนเข้ามา 900,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ตนเก็บค่าเช่าที่ในแต่ละปีใน จ.ลำปาง เขาบอกให้ตนเบิกเงินในบัญชี ซึ่งมียอดอยู่ 855,000 บาท นำเงินใส่ถุงขับรถมาที่อีกธนาคาร นำเงินสดจำนวนดังกล่าวให้พนักงานเขียนใบฝาก และโอนเงินไปให้ในบัญชีตามที่เขาบอก
หลังจากนั้น ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้ทักไลน์มาถามตนอีกว่า ยังมีทรัพย์สินอะไรที่จะให้ตรวจสอบอีกไหม ตนจึงบอกไปว่า มีทองคำอีก 8 บาท ที่เก็บไว้ ชายคนดังกล่าวจึงบอกให้ตนนำทองทั้งหมดไปขาย แล้วโอนเงินมาให้เขาตรวจสอบ ตอนนี้ตนจึงรู้สึกเอะใจ และเชื่อแน่ว่าโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกแล้ว จึงไม่ได้นำทองไปขาย
จากนั้น ตนได้เดินทางไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดเงินที่โอนไป แต่ทางธนาคารบอกให้ตนมาแจ้งความก่อน
ตนฝากบอกถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า “เวรกรรมมันมีจริง เดี๋ยวมันก็ตามทัน อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกเลย”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันเดียวกัน ที่ สภ.เมืองนนทบุรี มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 10 ราย ที่เดินทางมาแจ้งว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน พฤติการณ์เหมือนกันทุกราย มีอยู่รายหนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงินไปเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท