ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เหตุการณ์ที่ผู้ชายคนหนึ่ง มีอาการมึนเมาสุรา อ้างว่าเป็นพ่อของสามเณร เข้ามาพูดคุยแล้วลักพาดึงตัวเณรขึ้นรถกระบะไป มุ่งหน้าไปทางหนองบัวลำภู ขอให้พลเมืองดีช่วยสังเกตและแจ้งตำรวจจับกุมไว้ให้ด้วย พร้อมช่วยแจ้งกลับไปยังพระครูสุจิตชัยธำรง เจ้าคณะตำบลบ้านจั่นด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีกล้องวงจรปิดภายในวัดบันทึกภาพ ขณะพ่อนำตัวสามเณรขึ้นรถออกจากวัดไปได้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดไชยราษฎ์บำรุง บ้านศรีบุญเรือง ม.11 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อไปพบกับพระครูสุจิตชัยธำรง เจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบลบ้านตาด พร้อมด้วยสามเณรบี (นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากทราบว่าช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด่านชั่งน้ำหนักรถบรรทุก จ.หนองบัวลำภู พาตัวสามเณรกลับมาส่งถึงวัดได้อย่างปลอดภัย
พระครูสุจิตชัยธำรง เล่าว่า ช่วงค่ำวานนี้ กลับจากไปงานสวดอภิธรรมศพ ก็เห็นรถกระบะสภาพเก่าจอดอยู่ข้างกุฏิ สอบถามก็ทราบว่าเป็นรถของพ่อสามเณรบี จากนั้นพ่อสามเณรบีก็เดินเข้ามาหา และบอกว่าทะเลาะกับภรรยาใหม่ ถูกภรรยายึดเงินไปหมด อยากจะมาขอยืมเงินลูกเณร 500 บาท พอดีว่าเณรมีเงินฝากอาตมาไว้ จึงให้ไป 500 บาท
เขายังบอกอีกว่า อยากจะให้ลูกสึกไปเรียนด้วยที่ จ.หนองบัวลำภู อาตมาจึงบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเขาทิ้งลูกไปตั้งแต่เด็ก และญาติทางแม่เขาที่อยู่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย ก็ฝากฝังให้มาบวชเรียนที่นี่ เนื่องจากแม่ของสามเณรต้องโทษคดียาเสพติดอยู่ จ.หนองคาย เพิ่งมาบวชตอนเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
อาตมาก็เอะใจอยู่แล้วว่าเขาต้องการตัวลูกไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ ตอนเวลาประมาณ 19.30 น. อาตมาเข้าไปสรงน้ำในกุฏิ และยังมีสามเณรอื่นอยู่อีกหลายรูป พอออกมาสามเณรรูปอื่นก็บอกว่า สามเณรบีถูกพ่อดึงแขนขึ้นรถไปด้วยแล้ว อาตมาร้อนใจมาก รีบโทรไปหาน้าชายของสามเณรบี เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่าจะเกิดความรุนแรงหรืออุบัติเหตุระหว่างทาง เพราะพ่อสามเณรมีอาการเมาสุรา อาตมาถึงกับนอนไม่หลบ ต้องลุกขึ้นมานั่งสวดมนต์อธิษฐานจิตภาวนา หวังจะช่วยสามเณรให้กลับมาที่วัดโดยเร็วและปลอดภัย
กระทั่งประมาณตี 3 มีรถเจ้าหน้าที่ด่านชั่งน้ำหนักขับเข้ามาในวัด พาสามเณรบีกลับมาส่งคืนที่วัด หลังช่วยเหลือไว้ได้ที่ด่าน เนื่องจากรถกระบะพ่อสามเณรเกิดอุบัติเหตุยางแตกตรงจุดนั้นพอดี และเพิ่งมาทราบทีหลังว่า พ่อสามเณรด่าทอลูกด้วยคำหยาบคาย และยังถือจอบจะเข้าทำร้ายด้วย
เขาไม่สมควรทำแบบนั้น เป็นความรุนแรงที่รับไม่ได้ เขาจะมาเอาตัวลูกเณรไปแบบนี้ได้อย่างไร อาตมาเป็นคนดูแลที่นี่ สามเณรอยู่ในความปกครองและดูแลของอาตมา หากเป็นอะไรขึ้นมาจะรับผิดชอบกันอย่างไร แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ และอาตมาเชื่อว่า สามเณรอาร์ม รอดมาได้อย่างปลอดภัยเพราะบารมีพุทธคุณที่ไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถตกเหว หรือเฉี่ยวชนพลิกคว่ำระหว่างทาง
สามเณรบี เล่าว่า พ่อมาหาที่วัด 2 ครั้ง ครั้งนี้พ่อเมาเหล้า แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก แล้วพ่อก็ดึงแขนให้ขึ้นรถไปด้วย ระหว่างทางพ่อได้เอาเงินที่ให้ไป 500 บาท ไปเติมน้ำมัน 100 บาท และแวะซื้อเหล้าขาว 1 ขวด พ่อยกดื่มไปตามทาง ตนก็ไม่รู้ว่าพ่อจะพาไปไหน เมื่อยางรถระเบิดพ่อก็จอดรถและเดินลงมาทุบรถ ด่าตนด้วยคำหยาบคาย ด่าว่าไอ้ลูกชั่ว ลูกโคตรหมา และพยายามจะทำร้ายด้วย พอตนเห็นพ่อจะเดินไปหยิบจอบที่อยู่หลังรถมาทำร้าย จึงรีบเดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่ด่านชั่งน้ำหนัก 3 คน ให้ช่วยเหลือ
ตนเคยอยู่กับพ่อตอนอนุบาล 3 พอพ่อแม่เลิกกันตนก็ไปอยู่กับแม่กับยาย ตอนแรกดีใจที่พ่อมาหา แต่เห็นพ่อกินเหล้าก็เริ่มกลัว ตอนยางรถระเบิดก็ตกใจมาก ยิ่งเห็นพ่อถือจอบก็รีบวิ่งไปหาคนช่วยทันที ต่อไปถ้าพ่อมาอีกจะไม่ไปด้วยอีกแล้ว
นายกิตติพร สิงห์ช่วย อายุ 27 ปี พนักงานด่านชั่งน้ำหนัก จ.หนองบัวลำภู เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เมื่อคืนนี้ประมาณตี 1 กว่า เข้าเวรอยู่ที่ด่าน 3 คน ตอนแรกได้ยินเสียงยางรถระเบิด ไม่นานก็เห็นรถกระบะขับสวนเลนจากฝั่งขาเข้า จ.หนองบัวลำภู ขับบดยางมาจนมาจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามด่าน ชายคนนั้นก็เดินข้ามถนนมาตะโกนขอความช่วยเหลือ ถามว่ามีรถไปส่งบ้านหรือไม่เพราะยางระเบิด
ตอนนั้นก็เห็นเณรเดินลงมาด้วย เขาจูงแขนพาเณรเข้ามาที่ด่าน สภาพชายคนนั้นเมามาก พูดจาวกไปวนมา จบด้วยการที่จะขอเงินไปปะยาง แต่สีหน้าแววตาของเณรดูกังวล เหมือนไม่อยากไปด้วย เขาก็เริ่มโวยวายเสียงดังอีกครั้ง ด่าพวกตนว่าช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แล้วก็ด่าเณรว่าจะไปบวชทำไม บวชไปก็มีแต่คนรังแก ด่าไปถึงแม่เณรต่างๆ นานา ตนจึงบอกว่าจะเรียกตำรวจมาช่วยก็แล้วกัน
จากนั้นเขาก็ดึงแขนเณรไปที่รถอีกครั้ง พยายามจะขับบดยางไป พวกตนจึงตัดสินใจขับรถไปส่งที่บ้านเขา ห่างไปประมาณ 2 กม. เมื่อไปถึงบ้านก็มีพี่สาวเขาออกมา เขาก็ด่ากันอีก พี่สาวต่อว่าน้องชายตัวเองว่าพาเณรมาทำไม เขาก็บอกว่าเขาเป็นพ่อ จะทำอะไรก็ได้ พี่สาวจึงขอร้องให้พวกตนพาเณรกลับไปส่งวัด เพราะกลัวจะเกิดอันตรายถ้าอยู่ที่นี่ ตนจึงค่อยๆ พูดจาหลอกให้ชายคนนั้นเข้าไปจัดที่นอน แล้วพวกตนก็รีบขับออกมาทันที
เมื่อกลับมาถึงด่าน ได้หาขนมและของกินให้เณร และแนะนำเณรว่าไปพักที่วัดแถวนี้ก่อนหรือไม่ เณรทำท่ากลัวบอกแต่ว่าอยากกลับวัด ถามชื่อวัดตอนแรกก็สับสน ผ่านไปสักพักเณรก็เริ่มจำได้ จึงไปค้นหาวัดในอินเทอร์เน็ตจนรู้พิกัดวัด แล้วตัดสินในขับรถมาส่งเณรทันที เพราะเณรบอกว่าต้องทำวัตรเช้า
ต่อมาตอนเช้า น้องที่มาเข้าเวรต่อได้แจ้งว่าชายคนนั้นกลับมาเอารถไปซ่อมแล้ว แต่ก็ยังบอกอีกว่า หากซ่อมรถเสร็จจะกลับไปเอาตัวเณรให้ได้ ตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าอาวาสให้ระมัดระวัง
โชคดีที่เมื่อคืนไม่มีอุบัติเหตุรุนแรง เพราะสภาพรถเก่ามาก ไฟหน้ารถมีข้างเดียว หากยางไม่ระเบิดตรงด่านก่อน ก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของเณรจะเป็นอย่างไร
เบื้องต้นทางญาติและเจ้าอาวาสยังไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อรายนี้ แต่หลังจากได้รับข้อมูลว่าพ่อจะกลับมาเอาตัวสามเณรอีก ก็จะเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสอง เจ้าอาวาสย้ำว่า หากพ่อสามเณรกลับมาทำแบบนี้อีก ก็จะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด