มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

"คุณยุ" โฟนอินเปิดใจโหนกระแส ปมเส้นเงิน "พระคึกฤทธิ์" กองทัพธรรมชี้ การแถลงของวัดเมื่อวานนี้ "เหมือนมัดตัวเอง"


ข่าวด่วน
17 กันยายน 25685,545
"คุณยุ" โฟนอินเปิดใจโหนกระแส ปมเส้นเงิน "พระคึกฤทธิ์" กองทัพธรรมชี้ การแถลงของวัดเมื่อวานนี้ "เหมือนมัดตัวเอง"

ในรายการโหนกระแสวันนี้ ได้หยิบยกประเด็นใหญ่ที่กำลังสะเทือนวงการสงฆ์ กรณีเงินบริจาคจากวัดนาป่าพงที่ถูกโอนไปยังประเทศเยอรมนีเพื่อตั้งมูลนิธิทางศาสนา แต่กลับกลายเป็นข้อพิพาทใหญ่โต ระหว่างพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง และ "คุณยุ" ลูกศิษย์ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเยอรมนี โดยในรายการมีทนายอนันต์ชัย ไชยเดช มานั่งให้ข้อมูล และมีการโฟนอินจากคุณยุเพื่อเล่าถึงที่มาที่ไป

 

เรื่องราวเริ่มจากความตั้งใจของพระคึกฤทธิ์ที่จะเผยแผ่คำสอน “พุทธวจน” ในยุโรป ด้วยการตั้งมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยคุณยุซึ่งมีความศรัทธาและมีความสามารถด้านภาษา ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานและดำเนินการจัดตั้งองค์กรในนามมูลนิธิ Stiftung Buddhawajana Germany ซึ่งต้องใช้ทุนประเดิม 210,000 ยูโร หรือราว 12.2 ล้านบาท เงินก้อนนี้มาจากการบริจาคของญาติโยมในประเทศไทย

 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเงินกลับซับซ้อนขึ้นเมื่อมีการโอนเงินจากไทยไปเยอรมนีรวม 29 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท ลักษณะการโอนครั้งละราว 10,000 ยูโร ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีการเปิดบัญชีส่วนตัวในนามพระคึกฤทธิ์และคนใกล้ชิด การเคลื่อนย้ายเงินจากบัญชีมูลนิธิไปยังบัญชีบุคคลทำให้ธนาคารในเยอรมนีเกิดความสงสัย จนมีการอายัดบัญชีและตรวจสอบในข้อหาฟอกเงิน

 

ปมปัญหาสำคัญที่นำไปสู่การฟ้องร้อง เกิดขึ้นจากกระบวนการโอนเงินทุนประเดิมก้อนนี้ จากข้อมูลใหม่ที่ถูกเปิดเผย ระบุว่าคุณยุได้ดำเนินการทยอยโอนเงินจากบัญชีในประเทศไทยมายังบัญชีในเยอรมนี โดยแบ่งโอนเป็นงวดๆ ครั้งละประมาณ 10,000 ยูโร แต่การโอนเงินในลักษณะนี้หลายครั้งติดต่อกัน ได้จุดชนวนให้ระบบของธนาคารตรวจสอบว่าเป็นธุรกรรมที่น่าสงสัย และอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ทำให้ธนาคารระงับการทำธุรกรรม ส่งผลให้เงินที่โอนจากประเทศไทยสำเร็จเข้าบัญชีในเยอรมนีมีเพียงประมาณ 9 ล้านบาทเศษเท่านั้น ยังขาดเงินอีกประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ด้วยความรับผิดชอบและต้องการให้การจัดตั้งมูลนิธิสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย คุณยุจึงได้นำเงินส่วนตัวของเธอเองที่อยู่ในเยอรมนีมาเติมเข้าไปในบัญชีเพื่อให้ได้ยอดครบ 12.2 ล้านบาทตามที่กำหนด

 

อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ เนื่องจากทางวัดนาป่าพงและพระคึกฤทธิ์ในประเทศไทย ไม่ได้รับทราบถึงปัญหาการโอนเงินที่ถูกระงับ และไม่เห็นหลักฐานว่าคุณยุได้ใช้เงินส่วนตัวสำรองจ่ายไปก่อน เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเงินจากต้นทางในไทยโอนไปไม่ครบตามจำนวน 12.2 ล้านบาท จึงเกิดความเข้าใจว่าคุณยุได้ยักยอกเงินส่วนต่างไป ความเข้าใจผิดนี้ได้กลายเป็นเชื้อไฟที่นำไปสู่การเพิกถอนอำนาจและตัดสินใจดำเนินการฟ้องร้องคุณยุในข้อหายักยอกทรัพย์ต่อศาลในประเทศเยอรมนี

 

ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องการเปิดบัญชีส่วนตัวในนามของพระคึกฤทธิ์ยังคงเป็นอีกหนึ่งปมขัดแย้งสำคัญ ซึ่งการโอนเงินจากบัญชีของมูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ไปยังบัญชีส่วนตัวของพระคึกฤทธิ์ ได้ทำให้ธนาคารในเยอรมนีแจ้งเรื่องต่อไปยังอัยการเพื่อตรวจสอบในข้อหาต้องสงสัยว่ามีการฟอกเงิน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้คุณยุรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันกับกระบวนการที่อาจผิดกฎหมายและเสี่ยงอันตราย เธอจึงยุติความร่วมมือและปฏิเสธที่จะดำเนินการเกี่ยวกับเงินก้อนดังกล่าวต่อไป สำหรับคดีฟอกเงินนี้ ฝ่ายกฎหมายของวัดนาป่าพงได้ชี้แจงว่าอัยการเยอรมันได้มีคำสั่งไม่ฟ้องในเวลาต่อมา หลังทางวัดได้นำหลักฐานเข้าชี้แจง

 

อีกประเด็นคือ จากการแถลงข่าวของทีมทนายความวัดนาป่าพงเอง โดยในการแถลงข่าวครั้งล่าสุด ทนายความของวัดได้กล่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนโดยระบุอย่างชัดเจนว่า เงินที่มีการโอนไปนั้นเป็น "เงินบริจาคของวัดนาป่าพง ที่มอบให้ นางสาว..(คุณยุ… เพื่อก่อตั้งมูลนิธิพุทธวจน เยอรมนี"

 

คำแถลงดังกล่าว แม้จะมีเจตนาเพื่อชี้แจงที่มาและความบริสุทธิ์ของเงิน แต่ในทางกฎหมายไทยแล้ว กลับถูกมองว่าเป็นการ "มัดตัวเอง" อย่างแน่นหนา เพราะเป็นการยอมรับโดยตรงว่าเงินก้อนดังกล่าวเป็น "เงินวัด" ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินของพระศาสนา มิใช่เงินส่วนตัวของพระคึกฤทธิ์ ตามกฎหมายและระเบียบของคณะสงฆ์ การที่เจ้าอาวาสหรือเจ้าพนักงานทางศาสนาจะโยกย้ายเงินของวัดไปมอบให้กับบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะระบุวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลหรือการศาสนาใดๆ ก็ตาม ถือเป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจและสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์สิน และการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 147 และ 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา คำพูดของทนายความจากฝั่งวัดเอง จึงกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ยืนยันองค์ประกอบความผิด และถูกนำไปใช้ในการดำเนินคดีในชั้นสอบสวนของหน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทย ทั้ง ป.ป.ช., บก.ปปป. และ ปปง. เพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไปในกระบวนการยุติธรรม

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#วัดนาป่าพง#เงินวัด
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
facebook