พ.ต.ท.ยันไม่มีเอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์ บอกลูกติดเมียนำอุปกรณ์มาติด ย้ำไม่ได้หนีมาบวช ตั้งใจเข้ามอบตัวหลังลาสิกขา พร้อมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย

จากกรณีชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 นำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นห้องพัก 2 แห่ง ในพื้นที่อำเภอเชียงใหม่ และอำเภอหางดง ยึดอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (SIMBOX) จำนวน 12 เครื่อง อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเครื่องสำรองไฟ
 

จับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย หญิง อายุ 25 และ 26 ปี ชายอายุ 22 ปีและ หญิงชาวเมียนมา อายุ 25 ปี แจ้งข้อหา “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมฯ,ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ”

ต่อมา ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ขยายผลจากการจับกุมคดีดังกล่าวโดยทราบว่าพ่อของผู้ต้องหาคือ ตำรวจยศ พ.ต.ท. สารวัตรอำนวยการ สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีส่วนพัวพันในการติดต่อแก๊งคอลเซนเตอร์และให้ลูกชวนเพื่อนมาร่วมกันดูแลระบบ ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการออกหมายจับจากศาลเชียงใหม่ จับ พ.ต.ท.คนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้ลาราชการไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง

ล่าสุด ค่ำวานนี้ (19 ก.ค.67) ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลำปางและชุดสืบสวน สภ.งาว จังหวัดลำปาง ได้ร่วมกันจับกุมตำรวจยศ พ.ต.ท. สารวัตรอำนวยการ สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง หลังมาบวชที่วัดดังกล่าวและไม่ได้หนีมาบวชแต่อย่างใดมีการลาอย่างถูกต้องตามระเบียบ

ตอนที่ตำรวจเข้าจับกุมเจ้าตัวอ้างว่าอุปกรณ์ดังกล่าวนั้นตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่เป็นของลูกติดเมียซึ่งมีแฟนเป็นชาวเมียนมาที่นำอุปกรณ์ดังกล่าวมาติดตั้งและตนเองก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น ก่อนที่ต่อมาตนเองจะถูกลูกติดเมียซัดทอดมา ซึ่งเดิมทีตั้งใจว่าหลังลาสิกขาบทแล้วจะเข้าไปมอบตัวกับตำรวจที่ สภ.ช้างเผือก แต่ก็มาถูกออกหมายจับก่อนและพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.งาวก่อนที่จะนำตัวกลับไปสอบสวนและดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป