มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

ขมวดประเด็นการเสียชีวิต “ยุ้ย ดาว TikTok” จะพิสูจน์ได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร แพ้ยาหรือไม่ ต้องไปผ่าชันสูตร


ข่าวด่วน
28 กุมภาพันธ์ 25686,970
ขมวดประเด็นการเสียชีวิต “ยุ้ย ดาว TikTok” จะพิสูจน์ได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร แพ้ยาหรือไม่ ต้องไปผ่าชันสูตร

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยเรื่องการเสียชีวิตของ “ยุ้ย” ดาว TikTok ที่เสียชีวิตหลังเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จากอาการแพ้ยารุนแรง โดยเปลี่ยนโรงพยาบาลหลายแห่ง 

 

 

และครอบครัวก็มีคุณแม่ของยุ้ย  และ มอส สามีของยุ้ย ช่วยกันเล่าเหตุการณ์ว่า เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2567 ด้วยอาการ คันทั้งตัว มีอาการเหมือนไฟฟ้าช็อตตามปลายนิ้ว ตอนนั้นทั้งแม่และมอสไม่เห็นว่าเขามีผื่นหรือไม่  โดยคุณยุ้ยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งแรก ที่จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 ด้วยอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง มีผื่นขึ้นเต็มตัว ไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองโต ตับอักเสบรุนแรง และปอดอักเสบจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและรอการปลูกถ่ายปอด และก่อนเสียชีวิต ยุ้ยได้โพสต์ข้อความ ว่าเธอทุกข์ทรมานจากอาการป่วยและมีความกังวลเกี่ยวกับการหาเลี้ยงครอบครัว โดยเธอบอกด้วยว่า อยากมีสุขภาพแข็งแรงและใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น

 

แม่ขวัญ เป็นแม่ของคุณยุ้ย เล่าให้ฟังว่า ลูกสาว เข้าทำการรักษาตัว ถึง 4 โรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิต โดยเริ่มมีอาการป่วย มีไข้และเหมือนมีก้อนอะไรบวมๆ บริเวณคอ วันที่ 3 ธันวาคม 2567 แฟนของลูกสาวจึงพาลูกสาวไป รักษาตัวที่โรงพยาบาล และแอดมิด โรงพยาบาลแรก ซึ่งหมอสั่งให้งดน้ำและงดอาหาร พร้อมทั้งให้ยาและรักษาตามอาการ

 

ต่อมาช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ลูกสาวเริ่มมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ คือชาตามมือตามเท้า และคันยิบ ๆ ตามตัว ลักษณะเหมือนอาการแพ้ยา จึงรีบแจ้งหมอและพยาบาล แต่หมอและพยาบาลบอกว่าอาจจะเกิดจากความกังวลและคิดมากไปเอง จึงทำการรักษาต่อ

 

แต่ลูกสาวยังอาการไม่ดีขึ้น และเริ่มทรุดหนักลง จึงขอออกจากโรงพยาบาลวันที่ 5 ธันวาคม โดยกลับมาถึงบ้านไม่ถึง 1 ชั่วโมงมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แฟนของลูกสาวจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ 2 โดยแจ้งหมอว่ามีอาการปวดท้องเป็นหลัก ซึ่งโรงพยาบาลที่ 2 ทำการรักษาต่อ โดยที่ครอบครัวแจ้งแล้วว่า มีอาการลักษณะคล้ายแพ้ยา แต่ไม่ทราบชื่อและชนิดของยา

 

โดยลูกสาวได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ 2 ประมาณ 20 วัน ซึ่งโรงพยาบาลที่ 2 ได้ตรวจและพบว่า คนไข้มีภาวะตับอักเสบรุนแรง จึงทำการรักษาตามอาการ และต่อมาพบว่าคนไข้ มีอาการแพ้ยาร่วมด้วย จึงรักษาต่อตามอาการ แต่ลูกสาวอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมตามแขนขาปากลอก ลิ้นพองและมีน้ำไหลตามผิวหนัง และหมอตรวจพบอีกว่า มีภาวะปอดอักเสบรวมถึงภาวะไตอักเสบ

 

หมอจึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่ 3 เนื่องจากโรงพยาบาลที่ 2 ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านปอด ซึ่งลูกสาวมาอยู่ที่โรงพยาบาลที่ 3 ประมาณเกือบเดือน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดหนักลง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และลูกสาวมีภาวะหัวใจหยุดเต้น 6 ครั้ง และทำการผ่าตัดด่วนด้วยการใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจก่อนจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ 4 เพราะว่ามีอุปกรณ์ครบครันกว่า ซึ่งในระหว่างส่งตัวน้องมีภาวะไตวายเฉียบพลันด้วย

 

จากนั้นน้องไปอยู่โรงพยาบาลที่ 4 ต่ออีกเดือนกว่า รักษาด้วยการฟอกไต 24 ชั่วโมงและอาจจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอด ซึ่งแฟนและพ่อของลูกสาวพร้อมที่จะยกปอดให้ยุ้ย แต่พอรักษาระยะหนึ่ง หมอ รพ.ที่ 4 ประเมินอาการแล้วไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ จึงต้องใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจไว้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน สุดท้าย 26 ก.พ. 68 น้องเสียชีวิต

 

ซึ่งตลอดการรักษาทั้ง 4 โรงพยาบาล ผู้เป็นแม่มองว่าโรงพยาบาลแรกควรแสดงความรับผิดชอบ เพราะน้องเข้าไปรักษาด้วยอาการเจ็บป่วยธรรมดา แต่กลับให้ยาที่ทำให้น้องมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนเกิดภาวะอื่นแทรกซ้อน ซึ่งเธอได้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่น้องย้ายมาอยู่โรงพยาบาลที่ 2 แต่จนถึงขณะนี้ ทางโรงพยาบาลแรก ก็ยังเงียบไม่ได้ติดต่อมาแสดงความรับผิดชอบบอกเพียงว่าเสนอเรื่องให้แพทย์สภาและอยู่ระหว่างการหารือกับผู้ใหญ่

 

 

ขณะที่นายมอส อายุ 25 ปี บอกว่ามีประเด็นที่โซเชียลนำไปแชร์กันและเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายอย่าง ที่บอกว่าแฟนสาวของตนทำงานหนักจนป่วยเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ซึ่งความจริงแล้วตนมองว่า ที่แฟนสาวเสียชีวิตเกิดจากการแพ้ยา เพราะเวลาแฟนทำงานก็แบ่งเวลา มีเวลานอน มีเวลาพาลูกพาครอบครัวเที่ยว ซึ่งตนอยู่กับแฟนตลอด 24 ชั่วโมงรู้กิจวัตรต่างๆ ของกันเป็นอย่างดี ไม่ได้โหมงานหนักจนร่างกายทรุดแต่ที่แฟนเข้าโรงพยาบาลมาจากอาการมีไข้และมีอาการบวมที่บริเวณคอ พอแอดมิดโรงพยาบาลแรก คืนที่ 2 ก็เริ่มมีอาการคล้ายแพ้ยาเกิดขึ้น จนอาการทรุดหนักและเสียชีวิต

 

ขณะที่ นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พิจารณาจากบันทึกการรักษา ชี้ว่า สิ่งที่มีการเขียนระบุมาในประวัติ คือ TEN ซึ่งคำว่า TEN มาจาก Toxic Epidermal Necrolysis (TEN) หรือเรียกย่อว่า TEN ซึ่งเป็นภาวะแพ้ยารุนแรง 

 

โดยภาวะแพ้ยาที่เป็นผื่นตามผิวหนัง คนทั่วไปมักจะคุ้นเคยกับชื่อ โรคสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome หรือ SJS) แต่ TEN คือภาวะกลุ่มเดียวกัน ที่มีความรุนแรงยิ่งกว่านั้น หาก SJS มีความรุนแรง เกิดผื่นแพ้ประมาณ 10% ตัว TEN จะรุนแรงกว่าอยู่ที่ประมาณ 30%

 

ผู้ป่วยที่มีอาการ TEN จะมีอาการรุนแรงกว่ามากและมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจากภาวะ TEN พบได้น้อยกว่า อย่างกรณีของน้องยุ้ย ที่บอกว่ามีอาการปวดท้อง ก็แปลว่าน่าจะมีอาการลำไสอักเสบร่วมด้วย ไม่ใช่แค่อาการทางผิวหนังเท่านั้น

 

ขณะที่คุณหมอหมู ก็บอกว่า เห็นอีกอย่างในบันทึก คือคำว่า Anaphylaxis คือ ภาวะภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน คือ อาการภูมิแพ้ที่มีปฏิกิริยารุนแรงอย่างเฉียบพลัน เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง มีผลทำให้เส้นเลือดขยายตัว เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ จนทำให้อวัยวะต่างๆ ล้มเหลวตามมา

 

เชื่อว่าพอหมอเห็นว่าคนไข้มีภาวะนี้แล้ว เขาหยุดยาทันที แล้วหลังจากนั้นก็รักษาแบบประคับประคอง เพื่อฟื้นฟูภาวะต่างๆ ช่วงนี้ร่างกายจะอ่อนแอลง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา ทำให้การฟื้นฟูที่ต้องใช้เวลา หรือบางทีก็อาจจะทรุดลงได้อีก

 

สุดท้ายเมื่อไล่เรียงกันมา เท่าที่ทราบคือ อาการแพ้ยาเริ่มต้นจากโรงพยาบาลที่ 1 แล้วโรงพยาบาลที่ 2, 3, 4 เป็นเพียงการรักษา แต่การจะยืนยันว่าแพ้ยาจริงไหม แพ้อาหารไหม เราต้องไปพิสูจน์ 

 

แต่ทางมอส สามีของยุ้ยบอกว่า พรุ่งนี้จะเผาศพยุ้ยแล้ว ไม่อยากให้เขาต้องมาทรมานอีก ซึ่งในเรื่องนี้ ทั้งทนายสายหยุด และ ดร.ธนกฤต ช่วยกันให้ความเห็นว่า การจะผ่าหรือไม่ผ่า เป็นสิทธิ์ของทางครอบครัวที่จะตัดสินใจ แต่การจะพิสูจน์ความจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรม มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการชันสูตร หลายเคสที่ผ่านมา ที่หาความจริงไม่ได้ หรือไกลเกินกว่าจะพิสูจน์ได้ ก็เพราะมีการเผาศพไปแล้ว 

 

สุดท้ายหมอหมูให้ความเห็นว่า ถ้าครอบครัวไม่ประสงค์จะผ่า ก็อาจจะใช้วิธีการเจาะเลือด ก็พอจะพิสูจน์ได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะผ่า หรือจะเจาะเลือด การเผาศพ ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน อันนี้ที่ต้องแจ้งให้ญาติทราบ

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ยุ้ยดาวTikTok#ดาวTikTok