ที่วัดบางขัน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ชาย อายุ 33 ปี และหญิง อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา ได้นำร่างไร้วิญญาณของลูกชาย อายุ 7 ขวบ มาประกอบพิธี โดยผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลูกชายเสียชีวิตหลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งได้ไม่กี่ชั่วโมง ตนเองติดใจว่า ทำไมโรงพยาบาลถึงไม่มีหมอมาตรวจรักษาลูกของตน น้องมีอาการชัก ตัวเย็นและอุจจาระ ตนจึงพาน้องไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณทุ่มเศษของวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่ได้พาน้องเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แพทย์ได้มาบอกกับตนว่า น้องมีโอกาสที่จะได้นอนโรงพยาบาล 1 คืนเพื่อดูอาการ ตนเองก็ได้แจ้งแพทย์ว่า ถ้าน้องมีอาการไม่หนัก ขอพาน้องไปรักษาตามสิทธิ์การรักษาได้ไหม เพราะตอนนั้นลูกชายได้สติแล้ว หมอแจ้งว่าได้ เพราะว่าตอนนี้น้องมีอาการดีขึ้น ปลอดภัยแล้ว ไม่น่าจะเป็นห่วงอะไร
จากนั้นตนเองก็นำลูกชายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งมาถึงโรงพยาบาลเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 7 ต.ค. พอถึงโรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามตนเองเพื่อซักประวัติน้อง เมื่อทำประวัติเสร็จ มีเจ้าหน้าที่พาน้องเข้าห้องฉุกเฉินไป และเมื่อตนเองเข้าไป เจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่า น้องมีอาการป่วยเป็นอะไรมา และเขาก็บอกกับตนเองว่า น้องอาจจะเป็นไข้มา แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาบอกว่า น้องอึ ให้ตนเองเข้าไปเช็ดทำความสะอาด
ซึ่งตอนนั้นทางโรงพยาบาลจะไม่ให้ผู้ปกครองอยู่กับเด็ก เพราะเด็กยังอยู่ในห้องปลอดเชื้อเขาจะเรียกเป็นระยะ และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตนเองอยู่กับน้อง เห็นว่าน้องมีอาการเกร็งและกระตุก เหม่อลอย ตาลอย ตนเองก็ถามหมอว่า ลูกผมเป็นอะไร ลูกผมจะชักหรือเปล่า เเขาก็พูดว่าไม่เห็นเป็นอะไร ยังพูดได้ปกติ
จากนั้นน้องไปเอกซเรย์กลับมา ผลเลือดออกมาปกติ แต่เม็ดเลือดขาวสูงกว่าเม็ดเลือดแดง ตนเองสงสัยว่า ถ้าอาการปกติแล้วทำไมเม็ดเลือดขาวถึงสูง เหมือนเด็กมีอาการติดเชื้อ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวน้องก็ดีขึ้น แล้วเขาก็ให้น้ำเกลือ ตนเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะเขาเป็นหมอ และเขาก็ให้แต่น้ำเกลือ ไม่ฉีดยา ไม่ทำอะไรเลย สักพักลูกบ่นว่าหิวน้ำ ตนเองจึงให้น้องกินน้ำ จากนั้นน้องก็ล้มตัวนอนคว่ำหน้า เหมือนคนหมดแรงและหายใจช้ามาก
ตนเองก็ถามว่าเป็นอะไรลูก ไหวไหม เหนื่อยไหม เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่ลูกชายพลิกหน้าหนี ซึ่งน้องเขาหันไปหาย่า หายใจเฮือก 3 ครั้ง ตาลอย ตนเองตกใจมากรีบเรียกพยาบาลข้างนอกว่า เด็กชัก ซึ่งพยาบาลก็เปิดประตูเข้ามาแต่ไม่ได้มาดู แค่อยู่หน้าประตูแล้วก็ยืนมอง ตนเองก็บอกว่า เข้ามาดูเด็กก่อนได้ไหม เด็กมีอาการชักและเขาก็ปิดประตูพร้อมไปเรียกพยาบาลที่อยู่ข้างนอกเข้ามาประมาณ 7-8 คน แต่ไม่มีหมอเลย เขาบอกว่า มีหมอแต่หมอติดคนไข้อยู่
จากนั้นก็ทำการปั๊มหัวใจน้องกว่า 1 ชั่วโมงแต่ไม่มีการตอบสนอง จนเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ลูกชายก็เสียชีวิต ซึ่งทางแพทย์โรงพยาบาลลงความเห็นว่า ลูกชายตนเองเสียชีวิตเพราะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ซึ่งตนเองติดใจว่า 2-3 ชั่วโมงที่ลูกชายนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน และเขาบอกว่า ลูกชายตนเองปกติ แต่เม็ดเลือดขาวเยอะกว่าเม็ดเลือดแดง ซึ่งลูกชายตนเองนอนอยู่บนเปลนั้นก็ไม่มีใครมาสนใจ
คำว่าโรงพยาบาลยังไงก็ต้องมีหมอ ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่ไวมาก ตนเองยังทำใจไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ และคำพูดของลูกชายยังอยู่ในหัวของพ่อตลอดว่า ป๋าผมไม่ไหวแล้ว ลูกชายมีอาการเป็นไข้แค่ 1 วัน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลูกชายเป็นแบบนี้ เพราะไม่มีประวัติการชักมาก่อน
ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบโรงพยาบาลนี้ว่า ทำไมไม่มีหมอมารักษาคนไข้และเขาก็ยังพูดมาอีกว่า ไม่มีหมอเฉพาะทาง ตนเองก็อยากทราบว่า ถ้าไม่มีหมอเฉพาะทาง แล้วทำไมไม่ส่งลูกตนเองไปที่โรงพยาบาลอื่น ทำไมไม่มีความกระตือรือร้นในการรักษาลูกของตนเองและไม่มีการเดินมาดูน้องเลยว่า อาการดีขึ้นไหม ปกติไหม
ล่าสุด รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี และผอ.โรงพยาบาล เผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ตนเองและบุคลากรทางการแพทย์ต้องขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่และครอบครัวของน้องที่เสียชีวิตอย่างสุดซึ้ง และตนเองเพิ่งทราบเรื่อง ได้ประชุมทีมงานหาข้อสรุปทั้งหมดเกี่ยวกับเคสนี้ว่ามีสาเหตุการเสียชีวิตอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงพัฒนาระบบทางการแพทย์ของโรงพยาบาลและการให้บริการ
ซึ่งเคสนี้น้องได้เข้าโรงพยาบาลมาเมื่อตอน 20.00 น ของวันที่ 7 ต.ค. เส้นทางจุดคัดกรองบอกว่าน้องคนนี้ได้ไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนมาแล้ว และก็ได้มารักษาตามสิทธิ์การรักษา ซึ่งน้องมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการอาเจียนและถ่ายเหลว ซึ่งเป็นได้หลายสาเหตุ เมื่อน้องคนนี้มาถึงโรงพยาบาลจุดแรกเลย คือ การคัดกรองหรือการคัดแยกผู้ป่วยตามความวิกฤต ซึ่งน้องคนนี้อยู่ในภาวะวิกฤตเร่งด่วน ทีมห้องฉุกเฉินต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและต้องดูแลเป็นพิเศษ
หลังจากประชุมกับทีมแพทย์ ตนเองก็ได้สอบถามทางแพทย์ที่ทำการรักษาเด็ก ซึ่งทางคุณหมอเด็กก็ให้ความเห็นว่าการเสียชีวิตอย่างรวดเร็วนั้นอาจจะเป็นไปได้ 2 อย่าง 1.ไวรัสขึ้นสมอง ติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง 2.ไวรัสอาจจะลงมาสู่ที่หัวใจได้ ซึ่งเหตุการณ์มันค่อนข้างที่จะรวดเร็ว สิ่งที่จะทำให้ชัดเจนคือ ต้องผ่าชันสูตร ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลยินดีช่วยเหลือในทุกด้านที่ทางโรงพยาบาลจะทำได้