จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อบัญชี @tiktoodtok ซึ่งก็คือ ‘คุณตุ๊ดตู่’ สาวสวยที่ประสบปัญหาเพื่อนบ้านมหาภัยจนต้องมาออกรายการโหนกระแสหลายต่อหลายรอบ ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่เพื่อนบ้านเจ้าเก่าเจ้าเดิม สร้างความเดือดร้อนจนพื้นที่ข้างบ้านกลายเป็นบ่อน้ำ ดินบ้านก็ทรุดตามไปด้วย อีกทั้งยังฉีดน้ำเซาะใต้กำแพง พอพยายามไปเจรจาก็พูดคุยไม่รู้เรื่อง โดยคุณตุ๊ดตู่ระบุแคปชันว่า “อยู่กันไปอย่างนี้แหละ เอาเป็นว่า ถ้าป้าไม่ท้อ ตุ๊ดก็ไม่ทิ้งค่ะ ป้าข้างบ้าน”
ล่าสุด คุณตุ๊ดตู่ ได้เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ ระบุว่า เพื่อนบ้านผู้หญิง อายุราว 48 ปี มักสร้างความก่อกวนให้บ้านตนมาโดยตลอด 2 ปีกว่า ไม่อยากจะเรียกว่ามีปัญหากัน เพราะส่วนตัวไม่เคยทำอะไรให้เลย และตอนนี้ก็พยายามไม่หาเหตุผลของการกระทำของเขาแล้ว เพราะสิ่งที่เขาทำก็ไม่มีเหตุผลอะไร
โดยหลังจากมีข่าวฟ้องร้องกันไปก็ยังไม่ดีขึ้น ล่าสุดตนก็กำลังเตรียมหลักฐานความเสียหายที่จะฟ้องตามที่ ‘ทนายไพศาล’ แนะนำมา แต่ติดตรงที่ไม่สามารถเก็บหลักฐานได้หมดสักที เนื่องจากฝั่งนั้นสร้างสถานการณ์ใหม่ ทำให้มีหลักฐานใหม่เรื่อยๆ
เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อน ตนจะให้คนมาฉีดปลวก จึงต้องเคลียร์พื้นที่ข้างบ้าน ได้เห็นว่าตรงกำแพงกั้นมีน้ำนองเป็นบ่อ พื้นดินบริเวณนั้นหายไปหมดจนมองเข้าไปเห็นเป็นบ่อเกรอะ พบว่าเพื่อนบ้านคนดังกล่าวได้ตัดกำแพงกั้นให้เป็นช่อง จนพื้นที่ข้างบ้านระหว่างรั้วกั้นฝั่งบ้านเขากลายเป็นบ่อน้ำ
พอส่องลงไปใต้รั้วก็เห็นว่าดินบ้านตนทรุดไปยังบ้านเขา จากการที่ถูกน้ำเซาะทุกวัน และมีการฉีดโคลนออกมาข้างนอก ทำให้ท่อระบายน้ำตัน และพยายามที่จะฉีดโคลนมาใส่รถของตน ถ้ารถจอดไว้หน้าบ้านก็จะเลอะโคลนไปหมด
นอกจากนี้ ช่วงเวลากลางดึก ประมาณตี 3-4 เขาจะใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงซึ่งเป็นท่อยาวๆ ฉีดเข้ามาในบ้านของตน โดยอ้างว่าบ้านตนเปิดไฟดึก ซึ่งบางทีตนเข้านอนไปแล้ว แต่คนที่บ้านคนอื่นยังไม่ได้นอนก็เลยเปิดไฟไว้
รวมถึงก่อนหน้านี้ ทางเพื่อนบ้านเคยเอาพัดลมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประมาณ 3 ตัว มาเปิดเป่าอัดเข้าซอกกำแพง หันเข้ามาทางหน้าบ้านตน ก่อให้เกิดเสียงดังรบกวน จนบ้านของตนเหมือนมีพายุฝนฟ้าตกตลอดทั้งวันทั้งคืน
ไม่ใช่แค่เพียงบ้านตน บ้านรอบๆ ก็เคยเจอพฤติกรรมที่เพื่อนบ้านคนดังกล่าวปล่อยหมาหลุด พอขอความร่วมมือไปเขาก็จะตอบมาว่า “แค่หมาหลุดแมวหลุดก็จะเป็นจะตาย น่าสมเพช” รวมไปถึงเรื่องที่เขาขับรถเร็วมากจนค่อนข้างอันตราย เนื่องจากในหมู่บ้านมีทั้งคนแก่และเด็กที่มาเดินเล่นในสวน ส่งผลให้หลายๆ ท่านย้ายหนีออกไป ในซอยบ้านก็เริ่มทยอยขายบ้านกันแล้ว
เหตุการณ์ต่างๆ นี้ เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ปีกว่า แต่เขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปเรื่อยๆ มีการสร้างสถานการณ์ใหม่ขึ้นมาตลอด ซึ่งตนได้มีความพยายามจะไปพูคคุย โดยถามว่า “ทำอะไร ทำไปทำไม ต้องการอะไร?” แต่เขากลับไม่ตอบในสิ่งที่ตนถาม และจะพูดของเขาไปเรื่อยๆ เช่น โดนใส่ร้าย, มีคนมาเคาะกำแพง, ไปแจ้งตำรวจ ฯลฯ เหมือนเป็นการพูดคนเดียว
เพื่อนบ้านคนนี้มีลูกชายอีกหนึ่งคนอาศัยอยู่ด้วย แต่ลูกชายจะเงียบๆ เดินก้มหน้ารีบเข้าบ้าน ไม่ค่อยออกมาข้างนอก ตอนแรกตนก็คิดว่าจะไปพูดกับน้องเขาดีไหม ว่าแม่เป็นอะไร ทำไมไม่ดูแลแม่ แต่พอเห็นหน้าน้องก็สงสาร น้องก็คงเครียดที่แม่เป็นแบบนี้ ถ้าเพื่อนรู้ก็คงอายเพื่อน
ลึกๆ ตนก็โกรธเขา แต่อีกใจก็สงสาร เพราะเขาดูป่วยสมบูรณ์แบบ จนเกิดคำถามว่า “ญาติปล่อยไว้ได้อย่างไร ไม่ไปตรวจสักหน่อยเหรอ ไม่เป็นห่วงเขาเหรอ”
ตนค่อนข้างชินชากับเหตุการณ์นี้แล้ว ก็คงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตอนนี้ได้ทำการติดต่อกับทนายไว้แล้ว รวบรวมหลักฐานความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งรวบรวมไม่หมดสักทีเพราะมีหลักฐานใหม่มาเรื่อยๆ แม้กฎหมายจะต้องรอให้เกิดเหตุก่อน ไม่ได้คุ้มครองป้องกันเราขนาดนั้น หรือคดีอาญาก็ปรับแค่ 10,000-20,000 บาท เขามีเงินก็จ่ายแล้วทำพฤติกรรมแบบเดิมต่อ เนื่องจากโทษไม่ได้เด็ดขาด การที่จะดำเนินการตามกฎหมายต้องใช้ความอดทนอดกลั้นมากๆ
ตอนนี้ตนไม่รู้จะคิดอะไรแล้ว ยังคงมีความเครียดสะสมเพราะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแทบทุกวัน แต่ตนก็จะพยายามบอกตัวเองว่าต้องอยู่ให้ได้ อยู่ให้ชิน อย่าไปเครียดหรือมีอารมณ์กับเขามาก
ทั้งนี้ อยากจะฝากถึงเพื่อนบ้านคนนี้ว่า “ตุ๊ดไม่ย้าย” ถ้าเขาจะทำแบบนี้ก็จะต้องอยู่กับตนอย่างนี้ตลอดไป อยากให้เขาคิดในมุมกลับว่า คนที่เหนื่อยจริงๆ แล้วคือเขา ต้องมานั่งคิดทุกวัน ฉีดน้ำ สร้างกำแพง ตัดกำแพง สร้างเองทำลายเอง ทำไมไม่เอาเวลาตรงนี้ไปใช้ชีวิตกับลูกให้มีความสุข ดีกว่ามายุ่งกับเรา อย่ามาใส่ใจกับคนข้างบ้านนักเลย
บ้านตนก็ไม่ค่อยมีเพื่อนมาหา ไม่มีปาร์ตี้ ไม่ดื่ม ไม่กิน ไม่เปิดเพลง เขาควรดีใจที่อยู่ข้างบ้านเรา ถ้าอยู่กับคนอื่นเขาจะลำบากกว่านี้ แต่ถ้าเขายังคงไม่หยุด เรื่องนี้ก็ต้องไปว่ากันที่ชั้นศาล ซึ่งตนผ่อนผันในการยื่นฟ้องมาตลอด เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ยังหวังให้เขาหยุด ไม่อยากถึงขั้นดำเนินคดีจนมีปัญหาเรื้อรัง
ที่มา : ข่าวสด