จากกรณีชายชาวอุดรธานีคนหนึ่ง พิการต้นแขนซ้ายขาดคิดจบชีวิตตัวเอง หลังแฟนสาวหอบเสื้อผ้าหนีกลับบ้าน โดยมีพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยปลอบใจพามาสงบสติอารมณ์ให้เขาใจเย็นลง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 มิ.ย.68 และต่อมาวันที่ 1 ก.ค.68 ชายคนดังกล่าวก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดบนสะพานข้ามแยกเก่าน้อย อ.เมืองอุดรธานี แล้วคิดจะจบชีวิตตัวเองอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจได้เข้ามาช่วยปลอบใจพาลงมาสงบสติอารมณ์อีกครั้ง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็มีการโพสต์ระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนจะหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวพร้อมนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเช่าหลังหนึ่งในบ้านสามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี โดยให้เจ้าของบ้านเช่า พาตรวจดูบ้านและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าผู้เช่าได้ขนของออกไปจนเกือบหมด สภาพบ้านโทรมเสียหาย
เจ้าของบ้านเช่าเล่าว่า บ้านหลังนี้ได้รีโนเวทไว้ให้เช่าตั้งราคาค่าเช่า 12,000 บาทต่อเดือน ต่อมา ชายพิการต้นแขนซ้ายขาดคนดังกล่าวได้มาติดต่อถามซื้อและจะขอดาวน์ก่อน 50,000 บาท แต่ไม่ได้มีการซื้อขายกัน มีการตกลงทำสัญญาเช่าบ้านในราคา 6,000 บาทต่อเดือน ชายคนดังกล่าวได้พาแม่กับแฟนสาวและน้องสาวแฟนเข้ามาอยู่ด้วยตั้งแต่ต้นปี 2567
ต่อมาช่วงเดือน พ.ย.67 เริ่มค้างค่าเช่าบ้าน พอทวงเขาบอกจะจ่ายแต่จ่ายภายใต้ข้อแม้ว่าขอเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนขายลูกชิ้นก่อน บางเดือนบอกเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม่ ตนก็เห็นใจเพราะเขาพิการและผลัดไปแบบนี้หลายเดือน ต่อมาก็เห็นข่าวเขาตั้งใจไปจบชีวิตตัวเอง แล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็มีคนโทรมาหามาบอกว่าเขากำลังขนของออกจากบ้านเช่า และมีคนปล่อยเงินกู้กำลังจะมาถอดแอร์และเอาซิงค์ล้างจานในวันเดียวกัน จึงบอกให้พี่มาดูและบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเช่าก่อนนำป้ายเขียนว่า “ให้เช่า” มาติด
หลังติดป้ายมีคนเก็บเงินรายวันหลายคนโทรมาถามว่าบ้านนี้เป็นของชายพิการต้นแขนซ้ายขาดคนดังกล่าวใช่ไหม ตนก็บอกว่าไม่ใช่ ซึ่งคนเก็บเงินรายวันก็บอกว่า เขาไปกู้เงินมาและอ้างว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเขา และเท่าที่รู้มีเจ้าหนี้โทรมาตามหาประมาณ 8 เจ้า ยอดเงินหลักแสนบาทเลยทีเดียว
เจ้าของบ้านเช่ายังบอกอีกว่า แฟนสาวของเขาก็ติดต่อกลับมาหาบอกตนว่า ชายพิการต้นแขนซ้ายขาดคนดังกล่าวไม่ใช่คนที่คิดสั้นแบบนั้นที่เขาทำเพราะอยากเรียกร้องความสนใจให้คนมาช่วยเหลือ ส่วนเงินค่าเช่าบ้านที่ติดค้างขอตั้งหลักหางานทำใหม่ก่อนจะทยอยใช้คืน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ให้เจ้าของบ้านเช่า โทรศัพท์ติดต่อไปหาแฟนสาวของชายพิการต้นแขนซ้ายขาดคนดังกล่าวเพื่อสอบถามเรื่องราวและสาเหตุที่เขาหนีออกจากบ้านเช่าและคิดจบชีวิตตัวเองโดยแฟนสาวเล่าว่า ตนกับชายพิการต้นแขนซ้ายขาดคนดังกล่าวรู้จักกันมาตั้งแต่เรียน คบหากันเป็นแฟนได้ประมาณ 10 ปี ตอนคบกันแรกๆ เขาก็ยังไม่ได้พิการ แล้วเราก็เลิกกัน สักพักก็กลับมาคบกันใหม่ กลับมาครั้งนี้เขาพิการแขนซ้ายขาดแล้ว ตอนนั้นเขาก็พอมีเงิน เนื่องจากเขาได้เงินชดเชยจากแขนพิการมาก้อนหนึ่งแต่ตนก็ไม่รู้ว่าได้มาเท่าไหร่
ขณะนั้นตนยังทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เขาก็ให้ตนลาออกมาขายลูกชิ้น ขายหมูปิ้ง เมื่อเราเริ่มค้าขาย เขาก็ใช้เงินเปลืองมาก จนต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อทำธุรกิจ พอตนเตือนเขาก็โกรธและทะเลาะกันบ่อย ทุกวันจะถูกเขาบังคับออกไปขายลูกชิ้น ขายหมูปิ้ง ไม่ทำก็ไม่มีเงินจ่ายดอกรายวัน เงินที่ได้มาเขาจะเก็บและเอาไปจ่ายเงินรายวัน เขามีหน้าที่เพียงแค่ขับรถไปและช่วยขายบางครั้ง ซึ่งเงินที่ค้าขายมาเขาบอกไปจ่ายดอกรายวันหมด ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าเขาจะไปกู้มาหลายเจ้าแบบนี้
วันที่เขาไปกระโดดสะพานครั้งแรกตนมารู้ความจริงว่าเขาไม่ได้เอาเงินไปจ่ายดอกเบี้ยรายวันเลยสักเจ้า “ย้อนกลับไปก่อนที่มาอยู่ที่บ้านเช่า ตอนอยู่บ้านแม่เขาที่อำเภอบ้านผือ เขาติดการพนันออนไลน์และสร้างปัญหาไว้มาก” ซึ่งวันที่เขาไปที่สะพานครั้งแรกเขาได้ขอให้ตนโทรหาพ่อแม่ของตนขอให้ช่วยจ่ายหนี้นอกระบบให้และบังคับให้โทรหาคนนั้นคนนี้ยืมเงิน แต่ตนไม่ได้ช่วย จึงวางแผนบอกให้พ่อมารับพาหนี ตนอยากจะหนีออกจากชีวิตเดิม ๆ และพ่อก็กลัวพวกเงินกู้จะทำร้าย จึงจำเป็นต้องตัดใจไม่ไปหา ที่เขาไปที่สะพานทำแบบนั้นเพราะเขาอยากสร้างสถานการณ์ และอยากจะให้ตนกลับไปหา
แฟนสาวของชายคนดังกล่าว ยังบอกอีกว่า หากเขาฟังข่าวอยู่ก็อยากให้เขาเลิกนิสัยแบบนั้น หากอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ทำให้ตัวเองดี อย่าให้ไปโกหกใครอีก ตอนนี้ตนอยู่ในที่ปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง และตนจะไม่กลับไปหาเขาอีก
ด้านหนุ่ม นศ.รายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ตนมาเช่าบ้านอยู่ตรงข้ามได้เกือบปี เพื่อนบ้านที่เป็นผู้ชายพิการแขนซ้ายขาดนั้นเห็นเขาอาศัยอยู่ที่บ้านกับแฟนสาว แม่ และน้องสาวของแฟน ต่อมาแม่เขาก็ไปอยู่ที่อื่น บ้านหลังนี้ทุกวันตอนเย็นจะเห็นเขาทะเลาะกัน แต่เป็นเรื่องอะไรนั้นตนก็ไม่รู้ แต่ได้ยินเสียงดังเป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติ และทุกวันเวลาประมาณ 1 ทุ่มหรือ 2 ทุ่ม จะมีพวกเงินกู้มาที่บ้านหลังนี้สับเปลี่ยนหมุนเวียนทวงเงินที่บ้านหลังนี้ คนที่มาเก็บเงินกู้รายวันเขาก็เคยมาถามว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเช่าหรือเป็นบ้านของหนุ่มพิการ ตนบอกไปว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเช่า หนุ่มพิการไม่ได้ซื้อ