ช่างเปียว เปิดใจ ในรายการโหนกระแส ยันถูกจับผิดตัวคดีทำร้ายร่างกาย ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ขณะภรรยา วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้รอบคอบ หากไม่มีเงินประกัน สามีคงติดคุกฟรี ฝากเป็นอุทาหรณ์ครอบครัวผู้บริสุทธิ์
วันนี้ (30 มิ.ย. 2568) รายการโหนกระแส เปิดใจ ช่างเปียว ชายวัย 36 ปี พร้อม คุณอ๋อม ภรรยา หลังตกเป็นผู้ต้องหา ตำรวจบุกจับถึงบ้านในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งที่เจ้าตัวยืนยันมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในวันดังกล่าว
ช่างเปียว เล่าว่า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2567 มีผู้หญิงรายหนึ่งถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจว่าถูกกลุ่มคนประมาณ 7-8 คนรุมทำร้าย ตนยืนยันว่าช่วงวันที่ 19-22 มิถุนายน 2567 ตนอยู่ที่โรงพยาบาลเฝ้าภรรยาเพิ่งคลอดลูกคนที่ 3 และมีหลักฐานบันทึกการเข้า-ออกของโรงพยาบาล พร้อมใบรับรองแพทย์ยืนยันชัดเจน
แต่ผ่านไปหนึ่งปี วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ตำรวจบุกจับถึงบ้านพักในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส โดยไม่เคยได้รับหมายเรียกหรือหมายจับใด ๆ มาก่อน
ขณะที่คุณอ๋อมบอกว่า ตอนนั้นที่บ้านมีแค่สามี ตน และลูกน้อย ถ้าตำรวจคุมตัวสามีไปโรงพัก ตนไปด้วยไม่ได้ เพราะลูกน้อยอยู่ในบ้าน จึงพยายามตะโกนเรียกให้คนออกมาดู ออกมาเป็นพยาน เรากลัวจะสามีจะถูกแอบยัดอะไรหรือไม่ จึงต้องตะโกนเรียกชาวบ้านออกมาดู ให้ไปตามผู้ใหญ่บ้านมา
แต่ตำรวจก็ไม่รอ มีแค่แม่เขียว ซึ่งเป็นพยาน กับ แม่ของช่างเปียว มาถึงแล้ว แม่ช่างเปียวได้ขึ้นรถไปด้วย ช่างเปียวจึงยอมขึ้นรถตำรวจ ส่วนผู้ใหญ่บ้านมาไม่ทัน
ด้าน คุณอ๋อม ภรรยา เล่าว่า วันที่สามีถูกจับ ตนกำลังเลี้ยงลูกอยู่ในบ้าน พอตำรวจมาถึง ตกใจและพยายามขอดูหมายจับหรือเอกสารใด ๆ แต่ตำรวจไม่ยอมให้ดู บอกให้ไปดูที่โรงพัก พร้อมยืนยันว่าสามียอมให้ใส่กุญแจมือแต่ขอให้รอผู้ใหญ่บ้านมาเป็นพยาน แต่ตำรวจไม่ฟัง รีบควบคุมตัวไปทันที
คุณอ๋อม ฝากถึงเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานให้รอบคอบก่อนออกหมายจับหรือจับกุมใคร เพราะหากจับผิดตัวครอบครัวผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน หากไม่มีเงินประกันตัว สามีของเธอก็ต้องติดคุกทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน เธอเองต้องเลี้ยงลูก 3 คนเพียงลำพัง สร้างความลำบากอย่างมาก
จากกรณีคลิปที่ตำรวจเข้าไปจับกุม ทนายแก้วมองว่า เมื่อมีหมายจับออกมาแล้ว ก็ถือว่าหมายจับนี้ ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็น่าสนใจว่า ทำไมคดีแบบนี้ถึงรีบออกหมายจตับนัก เมื่อจริงๆแล้ว น่าจะเป็นการออกหมายเรียกก่อน ตามขั้นตอน
และเมื่อดูคลิป ตำรวจใส่กุญแจมือแล้ว ช่างเปียวเองก็ยินยอมให้ใส่เครื่องพันธนาการแล้ว แล้วตำรวจจะล็อกคอคุณเปียวอีกทำไม ล็อกจนหน้าดำหน้าแดง ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะคุณเปียวไม่มีพฤติการณ์หลบหนีด้วยซ้ำ
ขณะที่ผู้หญิงที่ไปแจ้งความ คือผู้หญิงชื่อ นี ช่างเปียวบอกว่า ไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะัไรกับเขา วันไหน อย่างไร มารู้ก็ตอนที่ตำรวจเขียนสำนวนไปแล้ว ว่าเหตุการณ์ เกิดวันที่ 21 มิถุนายน 2567 หรือเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ซึ่ง ณ เวลานั้น ตนอยู่เฝ้าภรรยาที่คลอดลูกอยู่ที่โรงพยาบาล ตนโพสต์คลิปลูก โพสต์คลิปภรรยา มีวัน เวลา ในคลิประบุไว้หมด
ตอนอยู่ที่โรงพัก ตำรวจกดให้ตนนั่งลงกับพื้น พูดจากับตนไม่ดี พูดหยาบคาย พูดว่า “มึงนั่นแหละทำ เดี๋ยวมึงได้เข้าไปอยู่ในคุกแน่” ตนพยายามจะชี้แจง ว่าตนเฝ้าเมียอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ตำรวจก็ไม่ฟัง ทำให้ตนไม่พูดอะไรอีก เพราะกลัวจะโดนทำร้าย
ขณะที่แม่เขียว อยู่ที่โรงพักด้วย ตำรวจบอกว่า ไม่ให้ประกันในชั้นสอบสวน เพราะขัดขืนการจับกุม ทำให้ต้องนอนห้องขังโรงพัก 1 คืน แล้วต้องไปหาเงินมาประกันตัวในชั้นศาล ในวันรุ่งขึ้น
แม้จะมีพยานหลายคนยืนยันว่าในวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ตำรวจให้เหตุผลว่าศาลเป็นผู้ออกหมายจับ ต้องไปสู้คดีที่ศาลเอง วันต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยใช้วงเงิน 120,000 บาท ญาติหาหลักทรัพย์ได้ทัน แต่สุดท้ายศาลท่านมองว่า ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี จึงไม่ต้องวางเงิน ให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ แต่ต้องมารายงานตัวต่อศาล 4 ครั้ง ตามกำหนด
ขณะที่ คุณนี โฟนอินเข้ามาบอกว่า เหตุการณ์เกิดมาปีนึงแล้ว เราไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีความคืบหน้าเลย เหตุการณ์นั้น คุณเขียวเป็นคนพาพวกรวม 7 คน มารุมทำร้ายอย่างสาหัส โดยช่างเปียวเป็นผู้ชายเสื้อกล้ามสีขาว เข้ามากันไม่ให้มีคนเข้ามา
แต่คุณนียอมรับว่า ตอนที่คุณเปียวถูกตำรวจจับ ตนไม่เห็นหน้าเขา ไปโรงพักก็ไม่ทัน ไปถึงเขาก็ถูกคุมตัวฝากขังไปแล้ว ถ้าได้เห็นหน้าตนจำได้แน่ แต่คนในทีวีตอนนี้ไหมก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้ดู แล้วชื่อ ที่อยู่ ของผู้ต้องหาทั้งหมด ก็ได้มาจากผู้ใหญ่บ้าน เขาไม่โกหกใครอยู่แล้ว
ขณะที่ช่างเปียวเปิดรอยสักตัวเอง เทียบกับรูปวันเกิดเหตุ ที่คุณนีส่งมาให้เปิด จะเห็นว่า รอยสักที่ขา กับรอยสักของคนในรูปไม่ตรงกัน คุณนีก็บอกว่ามันนานป็นปีแล้ว เขาไปสักเพิ่มหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ช่างเปียวก็ตอบกลับว่า ตนไม่ได้สักเพิ่มมาเป็น 10 ปีแล้ว
คุณนีบอกว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้เห็นหน้าตัวจริงอะไรเขาเลย ชื่อทุกคน นามสกุลทุกคนเป็นผู้ใหญ่บ้านให้มา หนูถึงรู้ หนูตรวจสอบชื่อบ้านเลขที่มันถูกหมดทุกคน ถ้าจับผิดก็ไปเคลียร์ที่โรงพัก ก็แค่นั้น คุณนียอมรับในตอนท้ายว่า ก็ไม่รู้ว่าเขาไปจับถูกคนหรือผิดคน เพราะตนไม่เห็นหน้า
ทนายแก้วชี้ว่า ถ้ารู้ว่าไม่ใช่คุณเปียวแล้ว คุณนีต้องไปถอนแจ้งความ แต่ถ้าคุณนียังเพิกเฉย หรือยังยืนยันจะดำเนินคดี ปล่อยให้เขาถูกดำเนินคดีแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ หรือมีเจตนากลั่นแกล้ง มีโทษจำคุก 5 ปี ส่วนทางตำรวจ ก็อาจจะมีความผิดฐาน 157 เพราะจริงๆ กรณีนี้ ทำไมถึงไม่มีการชี้ตัวผู้ต้องหา
ขณะที่ พ.ต.ท.สุดจิต ศรีศิริ. รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด โฟนอินเข้ามา บอกว่า กรณีนี้ เรามีหมายจับ เป็นการไปจับกุมตามหมายจับ ทางเจ้าหน้าที่เชิญไปโรงพัก ถ้าผู้ถูกกล่าวหาไปดีๆ เนี่ย ก็ไม่มีการใช้กำลัง ทางตำรวจยินดีให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว แต่พอไม่ยอมไปเนี่ย มันมีหมายจับอยู่แล้ว มันก็ต้องมีการใช้กำลัง โดนเนื้อต้องตัวกัน ใช่ไหมฮะ ถ้าเราบริสุทธิ์ใจ เราชี้แจงได้ทุกที่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่โรงพัก
ยอมรับว่าทางเจ้าหน้าที่ มีการออกหมายเรียกมาชี้แจงแล้ว แต่ว่าคุณเปียวปฏิเสธการรับหมาย 2 ครั้ง แต่ช่างเปียวยืนยันว่าไม่เคยมี แต่ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานในการปฏิเสธรับหมาย มีการสลักหลังหมายกลับมาว่า มีเหตุขัดข้องในการส่งหมาย เพราะครั้งแรกปฏิเสธรับหมาย โดยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุตอนเกิดเรื่อง ทนายแก้วจึงขอให้อ่านที่อยู่ที่มีการส่งหมาย ปรากฏว่า ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ตรงกัน
ส่วนเรื่องการชี้ตัวผู้ต้องหา ยอมรับว่าไม่ได้มีการชี้ตัวจริงๆ แต่มีการชี้รูปจากทะเบียนราษฎร์ ซึ่งขัดแย้งกับคำพูดของ คุณนี ที่บอกว่าไม่ได้ชี้อะไรเลย
ต่อมามีการโฟนอินลูกชายของแม่เขียว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ทำร้ายคุณนี ลูกชายแม่เขียวยืนยันว่า ผู้ชายเสื้อกล้าวขาวในภาพ คือน้องของตน ชื่อ จเด็จ ไม่ใช่นายเปียว
เรื่องทั้งหมด คุณเปียวต้องเอาหลักฐานทั้งหมดเข้าไปยืนยันกับทางตำรวจ ส่วนทางตำรวจเองก็ยอมรับว่า เพิ่งทราบเรื่อง นายจเด็จ ถือเป็นข้อมูลใหม่ที่ปรากฏในรายการวันนี้ ต้องให้พนักงานสอบสวนไปทำการสืบสวนเพิ่มเติมต่อไป