เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง นำกำลังเข้าจับกุมพระสงฆ์ อายุ 54 ปี และ ชาย อายุ 47 ปี พร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพยาเสพติด โดยจับกุมได้ที่หน้ากุฏิ 3 วัดแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง ก่อนการจับกุมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชน ว่าที่กุฏิ 3 หลังเมรุ วัดแห่งนี้ มีพระรูปหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มักจะชอบชวนบุคคลอื่น รวมถึงเด็กวัดมาเสพยาในกุฏิ จนกลายเป็นแหล่งมั่วสุม
ทาง พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง และ พ.ต.ต.ชยพัทธ์ หีบทอง สว.สส.สน.ดอนเมือง นำกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบเฝ้าสังเกตการณ์ และได้พบพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนอยู่กับชายอีกคนซึ่งน่าจะเป็นลูกศิษย์ ที่หน้ากุฏิ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงบัตร ปปส. เพื่อขอตรวจสอบ และตรวจค้นที่ตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
แต่จากการเข้าตรวจสอบในกุฏิ พบอุปกรณ์การเสพ และถุงซิปล็อกมีคราบยาเสพติดติดอยู่ จากการสอบถามพระรูปดังกล่าวให้การยอมรับว่าตนเองได้เสพยาไอซ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวพระรูปดังกล่าวและชายที่คาดว่าเป็นลูกศิษย์ มาที่ สน.ดอนเมือง เพื่อขอตรวจสารเสพติด ผลตรวจพบว่าทั้ง 2 คนมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย
เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวพระรูปดังกล่าวไปดำเนินการสึกจากการเป็นพระ ก่อนจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ทางผู้ร้องเรียนยังระบุด้วยว่า อดีตพระรูปดังกล่าว ยังมีพฤติกรรมในการโพสต์ภาพถ่ายเปลือยของตนเองขณะเป็นพระลงในกลุ่มในโซเชียล ซึ่งจากการเปรียบเทียบสถานที่กับภาพถ่ายพบว่าผนังห้อง และที่นอนในกุฏิของอดีตพระรูปดังกล่าว เป็นสถานที่เดียวกันตามที่ผู้ร้องเรียนส่งมาให้ ซึ่งทางอดีตพระรูปดังกล่าวไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่รูปตัวเอง แต่ระบุเพียงว่าไม่ได้เข้ากลุ่มโซเชียลดังกล่าวนานแล้ว
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวระบุว่า สำหรับอดีตพระรูปดังกล่าว บวชเป็นพระมาประมาณ 30 พรรษา มีหน้าที่คอยดูแลเรื่องต่างๆภายในวัด โฆษกวัดและหัวเรือใหญ่ในการจัดงานต่างๆในวัด หรือแม้แต่การร่วมกิจกรรมต่างๆกับวัดข้างเคียง จึงถือว่าอดีตพระรูปดังกล่าว เป็นพระนักพัฒนา รูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่ นับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก