วันที่ 15 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า มีหมอดูร่างทรงในสำนักทรงแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกับเพื่อนและลูกศิษย์ ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายหญิงคนหนึ่ง ทั้งตบตี บังคับให้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด แล้วใช้พริกทาอวัยวะเพศ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังมีการใช้อาวุธปืนข่มขู่แฟนของผู้บาดเจ็บ ว่าห้ามโทรศัพท์ไปบอกใคร โดยผู้ร้องเรียนได้ส่งคลิปเหตุการณ์เป็นหลักฐาน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ประสานตำรวจชุดสืบสวน สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ พร้อม ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่สำนักหมอดูดังกล่าว พบหมอดูร่างทรงคนที่ถูกร้องเรียน เจ้าตัวออกมาพบกับตำรวจ ก่อนนำเข้าไปตรวจสอบภายในสำนัก แต่ไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุข่มขู่
จากนั้น ตำรวจได้เชิญหมอดูร่างทรงไปที่ สภ.คอหงส์ เพื่อสอบถามถึงเหตุที่เกิดขึ้นในคลิป โดยหมอดูร่างทรง ระบุว่า คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นมานาน 5-6 ปีแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกนำมาเผยแพร่ในโซเชียล ซึ่งต้นเหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในครอบครัว และหลังเกิดเหตุทุกคนก็ยังติดต่อและไปมาหาสู่กันปกติ โดยเฉพาะหญิงคนที่ถูกทำร้าย ตนก็รับมาดูแลตั้งแต่เด็ก และกินอยู่ในบ้านตนมาตลอด อยู่ในความปกครองของตน และผู้ปกครองของหญิงคนนี้ก็รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจและยอมรับผิด เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรแก้ตัว
ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คนที่ปล่อยคลิปทำไปเพื่ออะไร แต่สำหรับตนไม่ต้องการอะไรแล้ว ซึ่งตนก็รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปดังกล่าว และขณะนี้ตนก็มีคดีความหมิ่นประมาทอยู่ในชั้นศาลด้วย ก่อนที่จะมีการปล่อยคลิปออกมา ซึ่งหากคนที่ทำทำแล้วมีความสุข ก็ให้เขาทำต่อไป แต่ตนอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นมานานจบสิ้นได้แล้ว
ด้านหญิงที่ถูกทำร้ายร่างกาย ได้เข้าพบตำรวจ ซึ่งได้เข้าไปจับมือและกอดกับหมอดูร่างทรง ก่อนจะเล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการทะเลาะกันภายในครอบครัว หญิงที่ทำร้ายร่างกายเป็นเหมือนแม่บุญธรรมของตน เพราะเลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เด็ก จนถึงขณะนี้ตนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูกทำร้ายร่างกาย และไม่ติดใจเอาความ เพราะเป็นการเลี้ยงดูสั่งสอนให้ตนได้ดี และเป็นเรื่องภายในครอบครัว ตนโกรธคนที่ปล่อยคลิปในโซเชียลมากกว่า เพราะเหมือนทำลายตนที่ยังเรียนหนังสืออยู่
สาเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกายในครั้งนั้น ยอมรับว่าช่วงนั้นตนมีพฤติกรรมเกเร แม่บุญธรรมจึงอยากสั่งสอนให้ตนได้ดีเท่านั้น หลังจากถูกทำร้ายร่างกาย ก็ได้รับบาดเจ็บปวดศีรษะและฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น หลังเกิดเหตุก็ยังติดต่อกันตามปกติ และยืนยันจะไม่แจ้งความดำเนินคดี
พ.ต.ท.พัทธนันท์ ภักดีดำรงทรัพย์ รอง ผกก.สส.สภ.คอหงส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.คอหงส์ พิจารณานำผู้เสียหายและผู้ถูกร้องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายไม่ติดใจเอาความ และเรื่องก็เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่หากจะมีการดำเนินคดี พนักงานสอบสวน ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง