หลังจากรายการโหนกระแส พูดคุยกรณีหญิงสาวนามสมมติว่า คุณเอ้ ได้เข้าร้องเรียนต่อ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง หลังถูกอดีตแฟนซึ่งเป็นทนายความ ตามคุกคามอย่างรุนแรง ทั้งในลักษณะการทำร้ายร่างกาย และการจ้างบุคคลอื่นมาทำร้ายเธออย่างต่อเนื่อง จนเกิดความหวาดกลัวและไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
วันนี้ ทนายอนันตรักษ์ เพ็ชรหิน ทนายความที่ถูกกล่าวหา มาขอนั่งในรายการเพื่อชี้แจงในประเด็นของตัวเอง ในเรื่องทรัพย์สินต่างๆ โดยประเด็นแรกสุดที่มีการถกเถียงกัน คือเงิน 1.2 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ก้อนคือ 8 แสนบาท และ 4 แสนบาท เป็นเงินที่ทาง คุณเอ้ ยืนยันว่าทนายรักษ์ “ขอยืม” ไป ก่อนแรก 8 แสน เอาไปปิดคดี และก้อนที่สอง 4 แสนบาท ขอยืมเอาไปทำบ้าน
ในครั้งที่คุณเอ้มาออกรายการ ทนายรักษ์ได้โฟนอินมาชี้แจงว่า เงิน 8 แสน ตนคืนไปหมดแล้ว แต่ปรากฏว่าที่มาออกรายการในวันนี้ ทนายรักษ์บอกว่า ไม่ใช่แบบนั้น เงินก้อนนั้นมันคือเงิน 7.5 แสน ที่คุณเอ้ เอาไปซื้อบ้านมาอยู่ร่วมกัน โดยชื่อในบ้านเป็นชื่อของคุณเอ้กับพี่สาว ส่วนที่โฟนอินพูดไปวันนั้น เพราะสัญญาณมือถือไม่ดี ฟังไม่ชัด ก็เลยตอบไปแบบนั้น
ขณะที่คุณเอ้ บอกว่า ไม่ใช่ ไม่จริง เงิน 7.5 แสน เป็นคนละก้อนกับ 8 แสนที่บอกมาตอนแรก และที่บอกว่าผ่อนรถ ผ่อนบ้านอะไรต่างๆ มีหลักฐานเป็นชื่อของตนทั้งหมด ที่ทนายรักษ์ไปพูดกับที่ต่างๆ ว่าส่งเสียค่าเลี้ยงดูอะไรต่างๆ มันไม่จริงเลย
ทนายรักษ์บอกว่า คุณเอ้เป็นคนเอาเงินไปจ่ายมันก็เป็นชื่อเขาอยู่แล้ว ส่วนเงินเป็นเงินใคร ตนมีหลักฐานหมด คุณเอ้งัดหลักฐานใหม่ออกมากางบนโต๊ะ ว่าคุณเอ้ต้องคอยโอนเงินให้พ่อแม่ทนายรักษ์ด้วยซ้ำ ทนายบอกว่า เงินที่โอนก็เป็นเงินของตน ที่ตนให้คุณเอ้เป็นคนโอนให้พ่อแม่ พ่อแม่ของตนจะได้รู้สึกดีว่าได้เงินจากลูกสะใภ้ เมื่อถามว่า แล้วทำไมไม่โอนเอง ในเมื่อเป็นพ่อแม่ของคุณเอง ทนายรักษ์บอกว่า “ขี้เกียจ”
ก่อนจะขยายความว่า ถ้าเราโอนเงินให้พ่อแม่เราเองทุกเดือนๆ มันก็ปกติทั่วไป แต่ถ้าเราโอเงินให้เมียเรา แล้วให้เมียโอนให้พ่อแม่ เขาจะได้รู้สึกดี ฟังมาถึงตรงนี้ทำให้คุณเอ้ถึงกับขำประชดประชันออกมาว่า หล่อมากเลยนะคะ
ต่อมาในประเด็นที่ ทนายรักษ์พยายามจะอ้างว่า ธันวาคม 2567 ยังคบหาอยู่กินกันอยู่ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เขามาออกรายการโหนกระแส แล้วบอกว่าเลิกรากับเขาตั้งแต่กลางปี 2567 แต่พอเอามือถือของทนายรักษ์มาเปิดอ่านไลน์ย้อนหลัง ทนายรักษ์เอามาเปิดให้ดูว่า มีบทสนทนาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 67 ยังคุยกันอยู่เลยว่าเขาจะมาหาตนที่บ้าน แต่พอไถอ่านต่อไปในบรรทัดต่อๆ มา ปรากฏมีข้อความที่ผู้หญิงพูดว่า จะเอาเงินทำอะไรก็เอาไปเลย เพราะที่ผ่านมาทำงานกับทนายรักษ์ ก็ไม่เคยได้เงินอะไรอยู่แล้ว แล้วที่ทนายทำร้ายร่างกาย กระทืบท้องตนทั้งที่ใส่รองเท้าด้วย จิตใจพี่ทำด้วยอะไร ทนายรักษ์ก็พิมพ์ไลน์ตอบกลับไปว่า งั้นก็ไปแจ้งความเลย
ทนายรักษ์บอกว่า ข้อความนี้เป็นคนละเหตุการณ์กัน แต่พี่หน่วงบอกว่า ในไลน์มันก็โชว์อยู่ว่า มันเป็นวันเดียวกัน คือ 31 ธ.ค. 67 แต่ทนายรักษ์บอกว่า มันเป็นตอนค่ำ หลังจากที่เขามาหาแล้วทะเลาะกัน แล้วข้อความที่อ้างว่าทำร้ายร่างกายก็ไม่จริงเลย ตนไม่เคยทำร้ายร่างกาย ไลน์ที่พิมพ์นี้ คุณเอ้อบอกเองว่าเป็นไลน์ปลอม แล้ววันนี้มายอมรับแล้วว่า เป็นไลน์ของเขาจริงๆ ที่ตนจะเอาให้ดูก็เพื่อจะยืนยันว่า ตอนธันวาคมยังมีการพูดคุยคบหากันอยู่ แต่พอถามย้ำว่า แล้วทำร้ายร่างกายจริงไหม ทนายรักษ์ตอบว่า ตนไม่เคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายใครเลย
สุดท้ายทนายรักษ์โต้แย้งไม่จบในเรื่องไทม์ไลน์การเลิกรา ว่าคุณเอ้เลิกรากันเมื่อไหร่ วันไหน ทนายรักษ์พยายามจะยืนยันว่าคุณเอ้ฌโกหกว่าเลิกกับเขาไปนานแล้ว แต่ความจริงคือ ธ.ค. 67 ต่อเนื่อง ม.ค. 68 ยังคบหาพูดคุยกันอยู่เลย ทางคุณกร คนรู้จักกับทั้งสองฝ่ายก็พยายามหาข้อยุติให้ทั้งสองฝ่าย บอกว่า เมื่อเดือน ม.ค. 68 ยังเรียกทั้งคู่ให้มาคุยที่บ้านของตนอยู่เลย บอกให้ทั้งคู่แต่งงานกันเสีย จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่ก็เชื่อว่าเขาน่าจะเลิกกันในเดือนนั้น
แต่เมื่อถามว่า เราเถียงกันในประเด็นนี้แล้วได้อะไร สิ่งที่อยากรู้คือ ทนายรักษ์ทำร้ายร่างกายคุณเอ้จริงไหม ทนายรักษ์พยายามจะเลี่ยงไปตอบเรื่องคดี แต่ทางทนายแก้วถามจี้ว่า ตอบก่อนว่าทำร้ายร่างกายเขาหรือไม่ ทนายรักษ์บอกว่าไม่เคย มีแต่คุณเอ้ที่เอามีดมีขู่จะไล่ฟันตน ไล่ฟันของในบ้านพังเสียหายหมด ซึ่งคุณเอ้ก็บอกว่าไม่จริง เป็นเรื่องเท็จ มีเรื่องที่ทนายรักษ์ทำร้ายร่างกายตนเสร็จ ก็ส่งไลน์มาตามตื๊อ ตามง้อขอคืนดี เอาดอกไม้มาวางหน้ารถ พรรณาสารพัดขอให้ตนกลับไป
ขณะที่ วุฒิ และ เก่ง พยานฝั่งคุณเอ้ เล่าว่า พวกตนถูกว่าจ้างจากทนายรักษ์ ให้ไปสะกดรอยตามคุณเอ้ ให้ถ่ายรูปรายงานว่าเอ้ไปอยู่ไหน ทำอะไร ถ้าไปเจอว่าคุณเอ้อยู่กับผู้ชาย ให้ทำร้ายได้เลย ทำร้ายผู้ชายหรือคุณเอ้ก็ได้ จะให้อุ้มขึ้นรถอะไรต่างๆ เก่งกับวุฒิเห็นว่ามันไม่ใช่แล้ว มันไม่ถูกต้องแล้ว ก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่ทำ
ต่อมามีการเปิดภาพหลักฐาน ที่เห็นทนายรักษ์ถือไม้ มีร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของคุณเอ้ พยานของเอ้บอกว่า เป็นวันที่เอ้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วทนายรักษ์ไปดักรอ เอารถมาจอดปิดขวางไว้ ทนายรักษ์พยายามโต้แย้งว่า ไม้เป็นไม้ที่มีตะปูปักอยู่ มันวางอยู่ใกล้รถ ตนเอาไม้ออก ไม่ให้รถของเอ้เหยียบ แล้วที่เอ้มีรอยช้ำ รอยแผล เพราะเขาหกล้ม แต่พยานที่มานั่งในรายการ บอกว่า พวกตนอยู่ในเหตุการณ์ เห็นกับตาทุกอย่าง ทนายรักษ์จะไม่ยอมรับจริงๆ เหรอ พวกตนเห็นกับตาว่ากระชากผม ลากลงกับพื้น ถือไม้มาจะตี แล้วใครที่จะมาช่วยเอ้ จะถูกฟ้องทั้งหมด
บรรยากาศในห้องส่งเดือดระอุ เมื่อกลุ่มพยานของฝ่ายเอ้ ที่มานั่งฟังอยู่ในรายการทนไม่ได้กับคำกล่าวอ้างของทนายที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปดักรอทำร้ายเอ้จริงๆ แล้วมีการไล่ฟ้องทุกคนที่ออกมาเป็นพยานให้เอ้ด้วย ถึงขั้นลุกมาชี้หน้า ตะโกนด่าว่า “มีความเป็นผู้ชายหรือเปล่า” จนทำให้ทีมงานต้องเข้าไปช่วยทำให้พยานของเอ้ใจเย็นลง
สุดท้ายสองฝ่ายโต้กันไปกันมาไม่ได้ข้อสรุป จึงต้องบอกให้ไปใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้กันต่อไป