จากกรณีพบร่างหญิง อายุ 30 ปี ถูกอาวุธมีดแมงเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพัก เขตดุสิต กทม. แพทย์พบว่ามี DNA ติดอยู่ที่อาวุธมีดของกลาง ต่อมาศาลออกหมายจับ ชาย อายุ 24 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแฟนของผู้เสียชีวิต ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยพลทหารผู้ก่อเหตุปฏิบัติราชการสนามชายแดน จ.เชียงราย ถูกตำรวจติดตามไปควบคุมตัวมาที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้าล่าสุด หญิง อายุ 29 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาติดต่อขอรับเอกสารกับทางพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อไปรับร่างพี่สาวที่ รพ.วชิรพยาบาล
น้องสาวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังรู้ว่าแฟนหนุ่มของพี่สาวเป็นคนร้ายก็รู้สึกตกใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาคบหากับพี่สาว 7-8 เดือน ก็เห็นเขารักกันดูแลกันดี เหมือนคู่รักตามปกติทั่วไป ไม่คิดว่าเขาจะโหดร้ายทำรุนแรงกับพี่สาวได้ถึงขนาดนี้
จะไม่ให้อภัยคนร้าย และยอมรับว่าโกรธมาก อยากถามเขาว่าทำไมถึงทำกับพี่สาวเราแบบนี้ “ถ้าไม่เข้าใจอะไรกันทำไมถึงไม่พูดคุยกันดีๆ หรือถ้าสุดท้ายแล้วชีวิตคู่ไปด้วยกันไม่ได้ ทำไมถึงไม่แยกย้ายกันใช้ชีวิต ถ้าผู้หญิงเขาไม่เลือกเรา ทำไมถึงไม่ปล่อยเขาไป” ส่วนตัวรู้สึกแย่ อยากรู้เหตุจูงใจของฝ่ายชาย ทำไมถึงทำแบบนี้
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่สาวไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้ฟัง จึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ครั้งล่าสุดที่เจอกับผู้ก่อเหตุและพี่สาว ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน คือช่วงเทศกาลลอยกระทงปีที่แล้ว เคยไปเที่ยวด้วยกัน เท่าที่ดูผิวเผินเขาก็ดูรักพี่สาวดี ไม่มีท่าทางดูโมโหร้ายอะไร
ส่วนที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือสภาพจิตใจของคนทางบ้าน ซึ่งแย่มาก โดยเฉพาะแม่ พอรู้ข่าวก็เป็นลมไปเลย ซึ่งเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา พี่สาวเพิ่งจะโทรไปหาแม่ว่าจะกลับบ้าน แต่ไม่คิดว่าการกลับบ้านของพี่สาวจะกลับไปแบบนี้ พี่สาวมีลูก 2 คน พอต้องสูญเสียกะทันหัน ก็ต้องช่วยกันดูแลกันต่อไป ยืนยันว่าทางคดีก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.สามเสน เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับแล้ว ได้ซักถาม เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ อ้างว่าที่ลงมือก่อเหตุไปเพราะความหึงหวง จึงเกิดการบันดาลโทสะ โดยมีดอยู่ภายในห้องอยู่แล้ว
ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะต้องนำตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง โดยการสอบปากคำจะต้องมีนายทหารพระธรรมนูญร่วมสอบปากคำด้วย ตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ สน.สามเสน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม
ต่อมา เวลา 13.30 น. น้องสาว ญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางเข้ารับร่างผู้เสียชีวิต เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา จ.มุกดาหาร โดยน้องสาวได้จุดธูปบอกเจ้าหน้าที่เจ้าทาง เพื่อเรียกวิญญาณพี่สาวกลับบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า
เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ที่ผ่านมาตนก็รู้ว่าน้องมีการพูดคุยและคบหากับพลทหารผู้ก่อเหตุ เนื่องจากตนมักจะเห็นน้องวิดีโอคอลคุยกับผู้ก่อเหตุ ประมาณ 8-9 เดือน ที่ตนรู้ว่าทั้งคู่คบหาเป็นแฟนกัน และผู้ก่อเหตุก็มาหาน้องที่ห้องอยู่บ่อยครั้ง
จากที่น้องเคยเล่าให้ฟังคือ ผู้ก่อเหตุเป็นคนที่ค่อนข้างขี้หึงหวงหนักมาก ถึงขั้นต้องมีการเชื่อมแอ็กเคานต์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กหรือไลน์ของผู้เสียชีวิตไว้ในโทรศัพท์ เพราะคิดไปเองว่าน้องจะไปคุยกับผู้ชายคนอื่น
เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา น้องมาบอกกับว่าจะลาออก จะกลับบ้านไปดูแลลูก โดยวันสุดท้ายที่ทุกคนเห็นน้องมาทำงานก็คือวันที่ 18 มิ.ย. หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อหาน้องอีกเลย
กระทั่งมาวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา มีแชตไลน์ของน้องทักมาหาเพื่อนที่ทำงานว่า “จะไม่อยู่นะ จะเข้าป่า โทรศัพท์จะเอาไว้กับผัว จะติดต่อไม่ได้” ซึ่งพอเพื่อนทุกคนรู้เรื่องนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ของน้องมีการเชื่อมเข้าโทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุไว้ จึงคิดว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุที่ทักมาหาเพื่อนแบบนี้
ส่วนปมสังหาร ตนคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง ซึ่งตนเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าถ้าคนรักกันเค้าจะไม่มีทางทำร้ายกันแบบนี้ ตนขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่า ระหว่างที่ทั้งสองคบหากันอยู่นั้น น้องไม่เคยคุยกับผู้ชายคนอื่น
สุดท้าย น้องสาวผู้เสียชีวิต ได้กล่าวขอบคุณผู้สื่อข่าวที่ช่วยนำเสนอข่าวจนเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งดำเนินการจนสามารถจับคนร้ายได้ และขอขอบคุณผู้ใจบุญที่สนับสนุนค่าเดินทางในการเคลื่อนย้ายร่างของพี่สาวกลับไปยังบ้านเกิด
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้น แพทย์ระบุในใบมรณบัตรว่า หัวใจฉีกขาดจากบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าอก ทั้งนี้ทางครอบครัวจะมีการจัดพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้