จากกรณีชาวบ้านที่ ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พากันตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเสียงคล้ายระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวมากกว่า 16 นัด เมื่อเวลาประมาณ 03.25 น. วันที่ 6 มี.ค.68 โดยเสียงดังกล่าวดังไกลไปถึง อ.เมืองเชียงใหม่ และ อ.สันทราย ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงพากันมาสอบถามกันในสื่อสังคมออนไลน์ บางคนบอกว่านึกว่าเกิดเหตุระเบิดหรือว่าเกิดศึกสงครามในยามดึก ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าเป็นเสียงพลุที่จุดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.สันผักหวาน อ.หางดง ขณะที่หลายคนตั้งคำถามว่างานบุญแบบใดทำไมถึงต้องจุดพลุส่งเสียงดังในยามวิกาลที่เป็นเวลาพักผ่อนของชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าวัดดังกล่าวมีการจัดงานปอยหลวงฉลองสมโภชองค์พระธาตุและถวายทานเสนาสนะระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค.68 โดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมามีพิธีสวดเบิกเนตรพระพุทธรูปและกวนข้าวทิพย์ก่อนที่จะมีการจุดพลุหลังเสร็จสิ้นพิธี จนกลายเป็นดรามาที่เกิดขึ้นดังกล่าว
โดยในวันนี้ศรัทธาประชาชนจำนวนมากเดินทางไปร่วมงานที่วัด ขณะที่ รักษาการเจ้าอาวาส ปฏิเสธให้สัมภาษณ์เนื่องจากติดรับรองพระผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน
นายสรศักดิ์ อินตา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน เปิดเผยว่า โดยธรรมเนียมประเพณีทางภาคเหนือจะมีการประกอบพิธีเบิกเนตรและกวนข้าวทิพย์ในช่วงเวลากลางคืน ตลอดทั้งคืนจะมีการบริกรรมคาถาสวดเบิกเนตรก่อนจะมีการเทศน์ธรรมตามจำนวนกัณฑ์ที่ทางวัดได้กำหนดไว้ เมื่อเสร็จพิธีเบิกเนตรจะมีการจุดพลุบูชาในช่วงเวลาย่ำรุ่งซึ่งเป็นเวลาที่พระพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้ เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมายาวนานแล้ว
ส่วนประเด็นที่มีการจุดพลุกันตอนตีสาม ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเป็นเพราะพิธีสวดและการเทศน์ที่มีทั้งหมด 5 กันฑ์ เสร็จเร็วก่อนเวลาที่กำหนดไว้ประมาณตีห้า แต่เสร็จพิธีตอนประมาณตีสามกว่า ขณะที่พิธีต้องต่อเนื่องกันไปตามกำหนดการจึงทำให้มีการจุดพลุบูชาในเวลาดังกล่าว โดยยอมรับว่ามีลูกบ้านบางส่วนที่รู้สึกถูกรบกวนในยามวิกาลและได้แจ้งเรื่องร้องเรียนเข้ามา ซึ่งตนเองในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจ
ขณะที่เรื่องราวที่กลายเป็นดรามาในสื่อสังคมออนไลน์ทำให้ช่วงสายวันนี้สายตรวจ สภ.หางดง ได้เข้ามาประชาสัมพันธ์และให้ลดระดับเสียงในการจัดงานให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมไม่กระทบชาวบ้านและให้หยุดใช้เสียงตามเวลาที่ขออนุญาตไว้
ผู้ใหญ่บ้าน บอกอีกว่า ได้มีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายก่อนหน้าจัดงานมานานเกือบหนึ่งเดือน แจ้งชาวบ้านว่าจะมีการใช้เสียงจากการจัดพิธีและมหรสพในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค.68 ประเด็นจุดพลุเสียงดังชาวบ้านที่เป็นคนในพื้นที่เข้าใจกันดีว่าเป็นธรรมเนียม ที่สำคัญคือไม่ได้จัดบ่อยและงานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่ที่เกิดเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์อาจเป็นเพราะที่หมู่บ้านแห่งนี้ที่มีอยู่กว่า 4,000 หลังคาเรือน มีชาวบ้านในพื้นที่จริง ๆ ราว 300 ครอบครัว ส่วนที่เหลือเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีบางคนที่ไม่ใช่คนในพื้นที่และอาจไม่เข้าใจในเรื่องนี้
ด้านศรัทธาชาวบ้าน บอกว่า ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นกระแสในสังคม รู้สึกเห็นใจเจ้าอาวาสและพระเณรในวัดที่เหน็ดเหนื่อยกับการจัดงานและต้องมาเจอกับกระแสดรามา โดยการจุดพลุบูชาเป็นประเพณีที่ทำกันมานานและทุกคนทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ เมื่อคืนที่ผ่านมาเมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงพลุก็ตื่นมาพากันสาธุร่วมเฉลิมฉลองอยู่ที่บ้าน ไม่ได้คิดว่าจะกลายเป็นประเด็น แต่ในที่สุดแล้วหากเสียงดังไปกระทบคนอื่นก็ต้องขอโทษและขออภัยแทนทางวัดด้วย