รายการโหนกระแสวันนี้ เปิดคลิปสัมภาษณ์ สีกากอล์ฟ ต่อจากในรายการเมื่อวาน ขยายความจากเรื่องที่เคยเล่าไว้ก่อนหน้านี้ โดยยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์ซ้อนกับบุคคล 2 คนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือ อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และ ดร.สุริยา โดยในช่วงนั้นเธอเลือกจะย้ายจากพิจิตรมาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสซุบซิบในพื้นที่บ้านเกิด จนกระทั่งทราบว่าตนตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ซึ่งเป็นลูกของ ดร.สุริยา ขณะเดียวกัน อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรก็ยังเข้าใจผิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของตนเอง ทั้งที่ไม่ใช่
เธอเล่าต่อว่า ดร.สุริยาในขณะนั้นยังไม่มีฐานะ ไม่มีเงินแม้แต่จะจัดงานแต่ง ทางครอบครัวของเธอเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่าง หลังแต่งงานกันก็ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ เธอเลือกกลับไปพิจิตรเพื่อเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และตัดขาดความสัมพันธ์กับ ดร.สุริยาในเวลาต่อมา กระทั่งกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกในลักษณะเหมือนผัวเมีย
ช่วงนั้นเอง เธอเริ่มตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 และทราบว่าอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกมีหญิงอื่นแอบแฝงอยู่ในชีวิต ซึ่งทำให้เธอตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ โดยแจ้งพระที่เป็นพ่อของเด็กในท้อง และขอเงินจากท่านเพื่อนำไปซื้อยามาทำแท้งเอง พร้อมเล่าย้อนว่าเคยเห็นข้อความผู้หญิงส่งมาหาท่านว่า “คิดถึง” อีกทั้งยังเคยพบรองเท้าผู้หญิงวางอยู่หน้ากุฏิของพระ เมื่อพระรู้ก็โทรไปต่อว่าอย่างรุนแรงว่า “มึงมาถอดรองเท้าที่กุฏิกูทำไม อีสัx”
เหตุการณ์ลุกลามจนผู้หญิงคนนั้นขับรถมาถึงที่กุฏิทันที ขณะนั้นพระกำลังเช็ดปืนอยู่ หญิงคนดังกล่าวพยายามแย่งปืน และลั่นไกใส่ทั้งพระและสีกากอล์ฟ โชคดีที่ในปืนไม่มีลูก เหตุการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอดีตเจ้าคณะพิษณุโลกค่อยๆ ห่างเหินลง และสุดท้ายก็ยุติลง พร้อมกับการเลิกรากับ ดร.สุริยาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ในช่วงที่ใช้ชีวิตโดยไม่มีใคร สีกากอล์ฟเล่าว่าได้รู้จักกับ ศาสตราจารย์ ดร.พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี อดีตพระลูกวัดวัดใหม่ยายแป้น ท่านเป็นคนรักเด็ก และเข้ามาช่วยเหลือเธอโดยให้เงินเพื่อเลี้ยงลูก ความใกล้ชิดจากความเมตตากลายเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไป
ต่อมาเธอได้คบหากับอดีตพระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ซึ่งเริ่มต้นจากการทักเฟซบุ๊กมาหาเธอก่อน ทั้งคู่พูดคุยกันในลักษณะชู้สาวตั้งแต่แรก จนกระทั่งมีโอกาสพบกันที่จังหวัดชัยนาทและมีความสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นาน สีกากอล์ฟก็พบว่าตนเองตั้งครรภ์ และเมื่อตรวจสอบด้วยชุดตรวจแล้วพบว่าท้องจริง เธอกลับได้รับการตอบสนองจากอดีตพระรูปนี้ว่า “ยังไม่พร้อม” และยังไม่เชื่อว่าลูกจะเป็นของตน
แม้ไม่ได้รับการยอมรับในตอนแรก สีกากอล์ฟก็ตัดสินใจเก็บลูกไว้เลี้ยงเองโดยลำพัง โดยอดีตพระให้เงินช่วยเหลือเป็นบางครั้ง และเคยวิดีโอคอลมาดูลูกเพียงแค่ครั้งเดียว เมื่อเวลาผ่านไปจนลูกอายุ 2-3 ขวบ เธอเริ่มไม่ไหว จึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากเขาอีกครั้ง ฝ่ายชายเสนอว่าจะให้เงินปีละ 100,000 บาท หรือราวเดือนละ 8,000 บาท แต่เธอเล่าว่าความรู้สึกของเขาดูเหมือนไม่ได้รักเธอ จึงไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนักอีกต่อไป
สีกากอล์ฟบอกว่า ตนโตมาโดยที่ไม่มีพ่อ มีแม่เลี้ยงดูมาตามลำพัง แม่ทำงานคาร์แคร์ ได้เงินวันละ 80 บาท เลี้ยงดูตนมา ไม่พอใช้จ่าย โตมาอย่างยากลำบาก ทำให้ตนโตมาโดยที่ไม่กลัวที่จะใช้วิธีต่างๆ ในการอยู่รอด สิ่งต่างๆ ที่ตนเจอมาตั้งแต่เด็กทำให้รู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความจน