จากกรณี ดร.เมย์ วาสนา อินทะแสง นักธุรกิจสาวชื่อดังได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อทวงคืนทรัพย์สินมูลค่า 62 ล้านบาท หลังจากพบว่าเจ้าของทรัพย์สินบางชิ้นที่เธอยืมให้กับดาราสาวถูกนำไปจำนำและขายต่อ โดยเธอเผยว่าของที่ยืมให้บางชิ้นมีมูลค่าทางจิตใจและมีคุณค่าอย่างยิ่ง ซึ่งเธอก็ยังไม่สามารถได้รับการคืนตามที่ตกลงกันไว้ หลังจากที่ได้พยายามติดต่อหลายครั้งและเคลียร์กับอีกฝ่าย
เมย์ วาสนา เล่าว่า ได้รู้จักกับ ดิว อริสรา เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ผ่านทางน้องที่เป็นลูกค้าคนหนึ่ง บอกว่า ดิวอยากจะทำผลิตภัณฑ์เป็นแบรนด์ของตัวเอง บริษัทของเมย์ วาสนา รับจ้างทำผลิตภัณฑ์ สร้างแบรนด์ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว บริษัทของดิวก็ติดต่อมา มีการวางเงินมัดจำทำผลิตภัณฑ์ 22 ล้านบาทเศษ
แต่ต่อมา ดิวทักมาว่า เธอมีปัญหาเรื่องเงินหนักมาก ต้องใช้เงินด่วนๆ เพราะไปยืมเงิน “ซุง ศตาวิน” อินฟลูเอนเซอร์ดัง เจ้าของตลาดนัดชื่อดัง แล้วยังไม่มีเงินใช้คืน ทางซุงไม่ยอมให้ผัดผ่อน และดิวต้องหาเงินไปคืน ขอเอาเงินที่วางมัดจำค่าทำผลิตภัณฑ์ 20 กว่าล้านนก้อนนั้นออกมาก่อนได้ไหม
แต่ทางเมย์บอกว่า เงินมันเป็นการจ่ายแบบบริษัทต่อบริษัท เข้าระบบไปแล้ว มันดึงออกมาไม่ได้ ดิวก็เลยเสนอว่า ขอยืมของมีค่า ทรัพย์สินมีค่าได้ไหม เพราะจะเอาของมีค่านี้ไปวางค้ำประกันกับ “ผู้ใหญ่” ที่ ซุง ศตาวิน เคารพ เพื่อยืดเวลาในการชำระหนี้ออกไป ยืนยันว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เมย์ให้ยืมมา จะแค่ “เอาไปวาง” ค้ำประกัน เมย์สามารถมาตรวจดูของได้ตลอดเวลา
ของทั้งหมดที่เมย์ วาสนา ให้ดิว อริสรา ยืมไปได้แก่
นาฬิกา Richard Mille
รุ่น: RM023 White Gold Diamond
มูลค่า: 13,800,000 บาท
นาฬิกา รุ่นนี้ Discontinued (เลิกผลิต) ไปแล้ว
สร้อย BVLGARI
รุ่น: Serpenti Tubare Choker Necklace
มูลค่า: 15,274,000 บาท
ชิ้นนี้ เมย์ วาสนา เป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้สร้อยเส้นนี้มา มี Serial Number ระบุชัดเจน ว่าของชิ้นนี้เป็นของ เมย์ วาสนา
กระเป๋า Hermès Kelly 25
รุ่น: Emerald, Croc Shiny GHW Stamp C CST 976 มูลค่า: 2,800,000 บาท
กระเป๋า Hermès Kelly 25 HSS Special
รุ่น: Special, Beige Sable และ Jaune Ambre, Croc Alli Shiny GHW Stamp Z
มูลค่า: 3,700,000 บาท
สร้อย Lotus Arts De Vivre
รุ่น: Zambian Emerald & Diamond Necklace
มูลค่า: 26,440,000 บาท
สร้อยมรกตที่ประมูลได้มา **มีเส้นเดียวในโลก**
เมย์ยื่นคำขาดกับดิว ว่าของทั้งหมดนี้ ห้ามเอาไปขาย ห้ามเอาไปจำนำเด็ดขาด เพราะมันมีผลต่อความน่าเชื่อถือ เครดิตในการทำธุรกิจของตน ตนซีเรียสเรื่องนี้มากๆ เพราะของมีค่าทั้งหมดนี้ คนในวงการคงจะต้องรู้ว่าของชิ้นนี้เป็นของเมย์ วาสนา ถ้ามีการเอาออกไปขาย จะมีผลกระทบต่อภาพ ความมั่นคง เครดิตความน่าเชื่อถือ ซึ่งดิวก็รับปาก
แต่ผ่านเวลาไปหลายเดือน ทักไปทวงของคืนหลายครั้ง เขาก็ผัดผ่อน ประวิงเวลา บอกว่าจะเอานั่นเอานี่ออกมาให้คืนก่อน หลายต่อหลายครั้ง เขาทำให้ตนเชื่อใจ มีแชตเป็นหลักฐานว่าเขาบอกว่าเขาเดือดร้อน เราเห็นใจ เรามองเขาเป็นน้อง ยังมีคำว่าที่เขาพิมพ์มาว่า “กราบอกแม่” เขาบอกว่าถ้าไม่มีเรา เขาแย่แน่
แล้วยังมีข้อเสนออีกว่า จะให้เมย์ไปจ่ายเงินใช้หนี้ให้ดิว เพื่อเอาของคืน แล้วให้ดิวมาติดหนี้เมย์แทนได้ไหม เมย์ก็บอกว่าขอไปถามทนายก่อนว่าทำได้หรือเปล่า มันเหมือนเราโง่ถ้าจะยอมทำแบบนั้น ให้ของไปแล้ว ยังจะต้องไปจ่ายเงินซื้อของตัวเองคืน
แต่สิ่งที่ทำให้ตนมาตาสว่าง ถึงบางอ้อ ก็คือที่เราเข้าใจมาตลอด ว่าเขาเอาทรัพย์สินของเราไปวางกับผู้ใหญ่ที่นับถือคนหนึ่ง เป็นหลักประกัน สุดท้ายของทั้งหมด มันถูกกระจายออกไป ไม่รู้ว่าเป็นการจำนำ หรือขายต่อ หรืออะไรกันแน่ แต่ที่ทำให้ตนเสียใจมากๆ และเพิ่งมารู้ตัวว่าถูกหลอกตั้งแต่วันแรก คือได้เห็นแชต ที่ดิว ไปคุยกับบุคคลที่สาม เสนอเอาทรัพย์สินเราจำนำกับเขา โดยอ้างว่า ของชิ้นนี้เป็นของ “พี่เขา” ด้วยความ พี่เขาอะเนอะ มีปัญหา ไม่มีเงินจ่าย Supplier จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพี่คนนี้เดือดร้อนเรื่องเงิน กลายเป็นว่า ดิวไปดิสเครดิตเรา ทำในสิ่งที่เราขอเขาไว้ตั้งแต่วันแรก แต่เขากลับไปโกหกกับคนอื่น ทำให้เราเสียหาย
และยังมีบันทึกประจำวันของ สน.ทองหล่อ ที่มีบุคคลคนหนึ่ง ไปแจ้งความได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่าดิวทักมายืมเงินจำนวน 5,500,000 บาท โดยอ้างว่า เป็น เมย์ วาสนา ที่ฝากผ่านดิว มาขอยืม โดยมีทรัพย์สิน ได้แก่ นาฬิกา Richard Mille และกระเป๋า HERMES รวมมูลค่า 5.5 ล้านบาท เป็นหลักประกันการยืมเงิน ระยะเวลาการยืมที่ตกลงกันไว้คือ 2 เดือน แต่เมื่อพ้นกำหนดมาแล้ว 5 เดือน ยังไม่ได้รับเงินคืนหรือทรัพย์สินดังกล่าวกลับมา อีกทั้งกล่องนาฬิกาและใบรับประกันก็ไม่ได้ส่งมอบตามที่ตกลงไว้ ผู้แจ้งความต้องการลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานในกรณีนี้
ประเด็นที่น่าสนใจในการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางอาญาหรือแพ่ง ซึ่งมีประเด็นที่ต้องชี้ชัดเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากเมย์สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่ยืมทรัพย์สินนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น การขายหรือจำนำทรัพย์สินที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพย์สิน นี่อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาโดยตรง ตามมาตรา 341-345 ของประมวลกฎหมายอาญา หากผู้ที่นำทรัพย์สินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยเจตนา ก็สามารถได้รับโทษจำคุกได้
ในกรณีที่ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดในทางอาญา เมย์อาจเลือกที่จะดำเนินคดีในทางแพ่ง โดยการฟ้องร้องเพื่อเรียกทรัพย์สินคืนหรือขอค่าเสียหายจากมูลค่าของทรัพย์สินที่สูญหายไป การฟ้องในทางแพ่งจะอาศัยหลักของการคืนทรัพย์สินหรือการจ่ายชดเชยตามสัญญาที่มีการทำไว้ โดยจะต้องมีหลักฐานและข้อกำหนดที่ชัดเจนจากทั้งสองฝ่าย
อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของการรับของโจร หากผู้ที่รับทรัพย์สินไปไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิ์ครอบครองทรัพย์สินนั้น หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของในการรับทรัพย์สินมาไว้ครอบครอง ก็อาจถือเป็นการรับของโจร ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา ผู้ที่รับทรัพย์สินไปโดยไม่ถูกต้องอาจถูกฟ้องในฐานะที่รับของโจรตามกฎหมาย
ดังนั้น การดำเนินคดีในกรณีนี้จะต้องพิจารณาถึงเจตนาและข้อกำหนดที่มีการตกลงกันระหว่างเมย์กับผู้ที่ยืมทรัพย์สิน เพื่อชี้ว่าเป็นความผิดทางอาญาหรือแพ่ง และจะต้องหาทางแก้ไขข้อพิพาทนี้อย่างเหมาะสมตามกฎหมาย
ล่าสุด ดิว อริสรา โฟนอินเข้ามาในรายการ ยืนยันว่าสิ่งที่เมย์มานั่งในรายการวันนี้ ดิวรู้ว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่เมย์อยากทำ รับรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่พี่เมย์ไม่อยากทำเลย ไม่ขอตอบโต้ หรือแก้ตัว แต่ขอยืนยันว่าตนไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงหรือปิดบัง แต่ ณ วันนั้น ซุง ศตาวิน เขายื่นคำขาดว่าเขาต้องการเงินสดคืนเท่านั้น ทางหุ้นส่วนของดิว เป็นคนแนะนำเองว่า ให้ไปติดต่อพี่เมย์แบบนี้ ที่หุ้นส่วนบอกพี่เมย์ว่าไม่รู้เรื่อง มันไม่จริงเลย
ปรากฏว่าพอดิวโฟนอินเข้ามา เมย์ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ และดิวก็บอกว่า พอเห็นพี่เมย์ร้องไห้ หนูก็ร้องไห้ตาม เมย์ถึงกับถามว่า “แกทำยังไงวะ แกเอาของพี่ไป แกไปดิสเครดิตพี่ ไปบอกคนอื่นว่า พี่ไม่มีตัง พี่ออกมาอยู่คนเดียว ทำให้พี่เสียเครดิต ทำได้ยังไง” สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เมย์รู้สึกว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ช่วยดิวมาตลอด แต่ทำไมดิวถึงทำกับพี่แบบนี้ ดิวยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาไม่ดี และไม่ได้ไปบอกใครเลยว่าของทั้งหมดนี้เป็นของเมย์ มีแค่คนเดียวคือ ร้านนาฬิกา ถามว่าที่เมย์ไปเห็นแชตมา ดิวยังขอดูแชตอยู่เลยว่าเป็นแชตของใคร เพราะดิวมั่นใจว่าไม่ได้เอาเรื่องไปพูดกับใคร
ดิวบอกว่า ดิวเอาเงินทั้งหมดไปลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ไม่มีธุรกิจไหนที่ประสบความสำเร็จเลย ถามว่าทำไมไม่บอกสามี ไม่ขอให้สามีช่วย ดิวยืนยันว่าเรื่องนี้มันเป็นปัญหาที่ดิวเป็นคนก่อ จะให้สามีมาร่วมรับผิดชอบได้ยังไง ตอนนี้ดิวไม่ขอให้สามีมาร่วมรับผิดชอบอะไร ขอให้เขาดูแลลูกให้ดีก็พอ
หลังจากวันนี้ถ้า พี่เมย์จะดำเนินคดีกับดิว เพื่อให้ดิวกลายเป็นผู้ต้องหา แล้วจะต้องไปรับสภาพหนี้กับร้าน หรือบุคคลต่างๆ ที่ดิวเอาของไปวาง ว่าจะรับสภาพใช้หนี้กับทุกคน เพื่อให้เมย์ได้ของคืน แล้วการดำเนินคดีต่างๆ จะต่อสู้คดีกันยังไงก็ว่ากันไป เมย์บอกว่า เมย์ก็ทำดีที่สุดแล้ว ที่จะช่วยดิวมาถึงตอนนี้ ทางเลือกสุดท้ายที่ถามว่า ให้เมย์เอาเงินไปจ่ายร้านต่างๆ เพื่อเอาของคืน แล้วให้ดิวมาติดหนี้คนเดียวได้ไหม เมย์บอกเลยว่า ทำไม่ได้ ทำไม่ได้อีกแล้ว
ทางเลือก ณ วันนี้ ทำได้แค่ 2 ทางเลือก คือ ให้ทุกฝ่าย เมย์, ดิว และ ร้าน มานั่งเจรจากันให้ครบทุกคน เอาของคืนเมย์ ให้ดิวเซ็นรับสภาพหนี้กับร้าน แล้วเรื่องหนี้ก็ไปหาทางใช้กันเอง ไม่ต้องมีการดำเนินคดีอะไรกัน
หรืออีกทางคือ ให้เมย์ไปดำเนินคดีอาญากับดิว ฐานฉ้อโกง เพื่อให้ดิวมีสภาพเป็นผู้ต้องหา แล้วของทั้งหมดที่อยู่กับร้านต่างๆ มันจะกลายเป็น “ของโจร” ร้านทั้งหมดที่ถือของไว้ จะมีความผิดฐาน รับของโจร ซึ่งก็ต้องคืนของให้เมย์จริงๆ
ถามว่า มีของ 1 ชิ้น ที่อยู่กับรัฐมนตรีจริงไหม นั่นก็คือ สร้อยคอมรกต Lotus ดิวยอมรับว่า ของผ่านผู้ใหญ่คนหนึ่งไป และไปอยู่รัฐมนตรีคนหนึ่งจริงๆ แต่จะประสานขอเอาของกลับมาคืนพี่เมย์ได้ เชื่อว่ายังตามกลับมาได้
ดิวบอกว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไต้หวัน ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี จะขอจัดการเรื่องลูกให้จบ แล้วทันทีที่ดิวถึงไทย จะไปแสดงความบริสุทธิ์ใจกับกองปราบ ว่าเราไม่ได้หลบหนี และขอยืนยันว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ขอแค่ทุกคนโอเค ดิวพร้อมทำให้เต็มที่ แต่ขออย่างเดียว ขอสังคมมีอะไรมาลงที่ดิวคนเดียว อย่าลามไปถึงสามีหรือลูก
ท้ายรายการ พี่หน่วง ถาม เมย์ วาสนา ว่าก่อนจะมีเรื่องของดิว เคยมีเรื่อง 400 ล้านกับดาราอีกคนจริงไหม เมย์ยอมรับว่าจริง แต่มันเป็นหนี้ทางการค้า เขาติดหนี้บริษัทที่มาจ้างทำของ ไม่ได้เป็นการขอยืมเงิน น้องคนนั้นเขาก็พยายามขายของอย่างเต็มที่ เพื่อหาเงินมาคืน จนตอนนี้หนี้เหลือ 100 กว่าล้านแล้ว
ยอมรับว่าเมย์มีปัญหาเรื่องนี้ เรื่องการรักใครแล้วเต็มที่ เราเคยลำบากมาก่อน แต่รอดมาได้ ผ่านมาได้ เพราะมีคนรอบตัวที่ดี มีคนที่รักใคร่ที่ดีอยู่รอบตัว ทำให้เวลาที่คนรอบตัวเดือดร้อน เราก็จะช่วยเหลือเสมอ ไม่เคยกังวลว่าจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่ เราให้ได้เราก็ให้ อันนี้ที่เรามองว่า มันผิดที่เราเองที่เป็นคนแบบนี้
ทำเอาพี่หน่วงแซวตอนท้ายรายการว่า เมย์อยากจะมีพี่ชายที่ดีอีกสักคนไหม พี่ชายที่เป็นพิธีกร อะไรแบบนี้ เมย์บอกว่า ขอพักก่อนนะพี่หนุ่ม เมย์เจ็บมาเยอะ ไม่ใจอ่อนแล้ว