รายการโหนกระแสวันนี้ นำเสนอเรื่องสีกากอล์ฟ กันต่อเนื่องเป็น EP.ที่ 6 โดยในวันนี้ได้ แพรรี่ ไพรวัลย์, ทนายแก้ว และ ผศ. ดร. ธนศักดิ์ ศิริคะเณรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาร่วมพูดคุย
โดยในวันนี้ เปิดรายการด้วยการเปิดประเด็นกรณี คลิปพระรูปหนึ่ง หน้าตาคล้ายพระวัดดัง จังหวัดพิจิตร พูดคุยวิดีโอคอลกับ สีกากอล์ฟ ในลักษณะหยอกล้อ เชิงชู้สาว โดย สีกากอล์ฟ ได้ถามพระรูปดังกล่าวว่า "คนแรกที่รักหรือคนแรกที่อะไร" ซึ่งพระรูปดังกล่าวตอบว่า "คุณจะให้ตอบแบบไหนก่อน" จากนั้นสีกากอล์ฟ ได้บอกว่า "แบบเมื่อคืน" โดยพระได้บอกว่า "คุณคือคนแรก คุณก็รู้อยู่ คุณไม่ต้องมาแซวหรอกเรื่องนี้
ก่อนที่สีกากอล์ฟจะบอกว่า "อายหรอ" แล้วพระก็ตอบว่า "โธ่คุณ มันก็ต้องอายไหมล่ะ คุณก็รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ที่พูดอ่ะ คุณคือคนแรกก็จริงๆ ก็อย่างที่บอก แล้วก็รักคุณคนแรกเหมือนกันด้วย รักที่สุดด้วย แล้วก็มากที่สุดด้วย"
สำหรับพระรูปนี้ทราบว่า เคยเป็นเจ้าคณะตำบลหนึ่งในจังหวัดพิจิตร และรู้จักกับพระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดพิจิตรหลายท่าน ส่วนกับ สีกากอล์ฟ นั้น ทราบว่า มารู้จักกับพระรูปนี้ ตอนที่มาทำบุญในช่วงโควิดที่ผ่านมา แล้วติดต่อกันตลอด รวมทั้งยังยืมเงินซึ่งกันและกันด้วย
หลังจาก แพรรี่ ได้ดูคลิป ถึงกับอุทานว่า “อุบาทว์มาก” คำพูดคำจาที่ปรากฏในคลิป มันอุบาทว์มาก เป็นการเกี้ยวพาราสีผู้หญิงอย่างชัดเจน ดิ้นไม่หลุดเลย ต่อให้ไม่ต้องไปสืบสาวราวเรื่องว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรกัน แค่คำพูดที่ปรากฏในคลิป ก็ผิดสังฆาทิเสส แล้ว ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่พระรูปนี้ อ่อนประสบการณ์เรื่องมารยาหญิง เรื่องความรัก ก็อาจจะเป็นไปได้ ที่ไปหลงติดกับดัก หลงเหยื่อที่สีกากอล์ฟหย่อนเบ็ดมา แต่ก็ต้องบอกว่า ถ้าพระยึดมั่นในศีล ก็จะรู้อยู่แล้วว่า เรื่องพวกนี้ไม่ควรไปยุ่ง
ล่าสุดในรายการ พี่หน่วง เปิดคลิปสัมภาษณ์คลิปใหม่ ต่อจากเมื่อวาน โดยสีกากอล์ฟ ไล่ไทม์ไลน์ว่า ตนคบซ้อนกันมาสองคน ระหว่าง จจ.พิจิตร และ ดร.สุริยา แต่พอย้ายมา กทม. เพราะว่าหนีข่าวซุบซิบในพิจิตร แล้วปรากฏว่าตนตั้งท้องลูกคนที่ 2 กับ ดร.สุริยา ซึ่งตอนนั้น แม้แต่ จจ.พิจิตร ก็ยังเข้าใจผิดว่าลูกเป็นของท่าน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
ดร.สุริยาเป็นคนจน ไม่มีเงิน แม้แต่ตอนที่รู้ว่าตั้งท้องด้วยกัน แล้ว ดร.สุริยาสึกจากพระ มาแต่งงานด้วย ค่าแต่งงานทางบ้านของตนก็เป็นคนจ่ายทั้งหมด แต่แต่งงานกันแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตนย้ายกลับมาเลี้ยงลูกที่พิจิตร และไม่มีสัมพันธ์กับ ดร.สุริยาอีกเลย ซึ่งในตอนที่กลับมาพิจิตรรอบนี้ ในไทม์ไลน์ที่ทับซ้อนกันนี้ ก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียอยู่กับ เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก
ต่อมา สีกากอล์ฟ รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 และรู้ตัวว่า เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่เป็นพ่อของลูกมีผู้หญิงคนอื่น พอเรารู้ว่าท้องคนที่ 3 ทั้งที่คนที่ 2 ก็ยังเล็กอยู่ แล้วเราก็ยังไม่เลิกกับ ดร.สุริยา สุดท้ายจึงตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ โดยแจ้งให้พระที่เป็นพ่อของลูกในท้องทราบ และขอเงินท่านไปซื้อยามากิน
เรื่องที่ท่านมีหญิงคนอื่น เราไม่เคยระแคะระคายเลย เขาอยู่กับเราทุกวัน เราเคยเห็นมีผู้หญิงส่งข้อความมาว่า “คิดถึง” แล้วเคยมีเหตุการณ์ตอนที่ตนไปที่กุฏิของท่าน มีผู้หญิงมาถอดรองเท้าวางไว้หน้ากุฏิ พระท่านก็โทรไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วถามว่า “มึงมาถอดรองเท้าที่กุฏิกูทำไมอีสัx”
ต่อมาหญิงคนนั้นขับรถมาทันที ซึ่งตอนนั้น เจ้าคณะพิษณุโลกกำลังนั่งเช็ดปืนอยู่ หญิงคนนั้นมาแย่งปืนแล้วเอามาลั่นไกใส่พระ และใส่สีกากอล์ฟ โชคดีที่ปืนไม่ลูก หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้สีกากอล์ฟ กับเจ้าคณะพิษณุโลกห่างกันไปในที่สุด และเลิกรากับ ดร.สุริยาในเวลาใกล้ๆ กัน
ในช่วงเวลาที่ไม่เหลือใคร ตนก็ได้ไปรู้จักกับ ศาสตราจารย์ ดร.พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี อดีตพระลูกวัด วัดใหม่ยายแป้น ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นคนรักเด็ก ท่านรู้ว่าเรามีลูกน้อย เลี้ยงลูกคนเดียว ท่านก็มาช่วยเหลือให้เงิน ดูแลลูก แล้วจากความเอ็นดูลูก ก็พัฒนามาเป็นการมีสัมพันธ์กับตน แต่เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนจะแยกกันไป
จากนั้นก็ไปรู้จัก อดีตพระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดกัลยาณมิตร ที่ท่านทักเฟซบุ๊กมาหาก่อน ทักมาพูดคุย คุยกันแบบชู้สาวแต่แรก จนเขาไปงานที่ชัยนาท แล้วท่านก็ทักมาหา บอกให้เราไปหาที่ชัยนาท แต่กับท่านนี้ คบกันสั้นมาก มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว และไม่มีอะไรกับใครเลย หลังจากนั้นตนมีอาการแพ้ท้อง จนไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ปรากฏว่าท้องเลยทันที ตอนที่ไปบอกท่านว่าท้องกับท่าน ท่านบอกว่า ท่านไม่พร้อม ตอนแรกไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเป็นลูกท่านจริงๆ แต่ตนก็ตัดสินใจเก็บลูกไว้ เลี้ยงคนเดียว ท่านให้เงินบ้างนานๆ ครั้ง เคยวิดีโอคอลมาดูหน้าลูกแค่ครั้งเดียว จนลูกอายุ 2-3 ขวบ จนตนไม่ไหวแล้ว ก็เลยตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านบอกว่า ให้ได้แค่ปีละ 1 แสนบาท (เดือนละประมาณ 8 พัน) ท่านก็ดูไม่ได้รักเรา ทำให้เราไม่ค่อยได้ติดต่อหากันบ่อยนัก
สีกากอล์ฟบอกว่า ตนโตมาโดยที่มีแม่เลี้ยงดูมาตามลำพัง แม่ทำงานคาร์แคร์ ได้เงินวันละ 80 บาท เลี้ยงดูตนมา ไม่พอใช้จ่าย โตมาอย่างยากลำบาก ทำให้ตนโตมาโดยที่ไม่กลัวที่จะใช้วิธีต่างๆ ในการอยู่รอด สิ่งต่างๆ ที่ตนเจอมาตั้งแต่เด็กทำให้รู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความจน