หนุ่มจัดเต็มใส่ชุด พันตำรวจเอก เซอร์ไพรส์แฟนวันรับปริญญา ก่อนโดนเซอร์ไพรส์กลับทันที ด้วยคดี “แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พนักงานของร้านจำหน่ายเครื่องแบบข้าราชการทุกหน่วยงานในเขตเมืองอุดรธานี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ย.68หลังจากมีชายคนหนึ่งเข้ามาเช่าชุดเครื่องแบบตำรวจยศ พันตำรวจเอก พร้อมสแกนชำระเงิน จำนวน 12,000 บาท แต่เงินไม่เข้า และใส่ชุดตำรวจยศ พ.ต.อ.ออกไปจากร้าน

ภายหลังการแจ้งความ ผู้ดูแลร้านได้พยายามติดต่อชายคนดังกล่าว แจ้งว่าเงินค่าเช่าชุดไม่เข้าและขอให้รีบนำเงินมาชำระ หากยังไม่จ่ายจะดำเนินคดีตามกฎหมาย  ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน ชายคนดังกล่าวได้กลับมาแสดงตัวและขอชดใช้ค่าชุดให้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า บุคคลดังกล่าว ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา “แต่งกายเลียนแบบเจ้าพนักงาน” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ทางร้านจำหน่ายเครื่องแบบข้าราชการยืนยันว่าไม่ติดใจเอาความเพิ่มเติมเพราะชายคนดังกล่าวได้จ่ายค่าเสียหายแล้ว

หญิง อายุ 40 ปี พนักงานร้านจำหน่ายเครื่องแบบข้าราชการฯ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 6 พ.ย.68 มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน สอบถามหาชุดเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ ตนจึงถามว่า ต้องการชุดสายตรวจหรือชุดปฏิบัติการ ชายคนนั้นตอบว่า “ชุดปฏิบัติการ” โดยระบุว่ายศ พันตำรวจเอก และเร่งให้จัดให้โดยด่วน อ้างว่ากำลังจะนำไปใส่ในงานรับปริญญาของแฟนสาว

เมื่อจัดชุดให้เรียบร้อย ชายคนดังกล่าวได้เปลี่ยนชุดที่ร้านก่อนออกไป โดยโอนเงินชำระผ่านมือถือ เป็นค่าเช่าชุดจำนวน 12,000 บาท แต่ภายหลังพบว่าเงินไม่เข้าบัญชี ตนจึงพยายามโทรติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะนั้นชายคนดังกล่าวอ้างว่าอยู่ที่ สภ.โนนสะอาด

พนักงานร้านจำหน่ายเครื่องแบบข้าราชการฯ บอกอีกว่า หากติดตามเงินไม่ได้จริง ๆ ตนต้องรับผิดชอบเอง เพราะยอดเงิน 12,000 บาทนั้นเป็นเงินเดือนทั้งเดือน ต่อมาจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี จนกระทั่งชายคนดังกล่าวกลับมาชำระเงินคืน ทางร้านจึงไม่ติดใจดำเนินคดี

ด้านหญิงอายุ 28 ปี แฟนสาวของชายคนดังกล่าว เล่าว่า วันรับปริญญาของตนเอง แฟนหนุ่มได้มาร่วมงานด้วย แต่หลังจากเสร็จพิธีกำลังจะถ่ายรูป แฟนหนุ่มขอตัวออกไปทำธุระโดยไม่บอกว่าไปไหน กระทั่งกลับมาปรากฏตัวใน “ชุดเครื่องแบบตำรวจ” ซึ่งทำให้ตนรู้สึกงงมาก เพราะไม่ทราบว่าแต่งชุดนั้นมาทำไม เพราะรู้อยู่แล้วว่าแฟนหนุ่มเป็นครูไม่ใช่ตำรวจ และเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำเซอร์ไพรส์ เมื่อเห็นเขาใส่เครื่องแบบตำรวจในวันสำคัญเช่นนี้ จึงรู้สึกเสียใจและสับสน ไม่แน่ใจว่าเขาทำเพื่อถ่ายคอนเทนต์ตามที่อ้าง หรือมีเจตนาอื่นกันแน่ ซึ่งตนก็ได้ตักเตือนเขาไปแล้วว่าอย่ามาทำเซอร์ไพรส์แบบนี้ จะเซอร์ไพรส์ทั้งทีดันมาเจอคดี “แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่”

ขณะที่ ชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจไม่คิดว่าจะเจอคดีแต่งกายเลียนแบบเจ้าพนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้มีแรงบันดาลใจอยากเป็นตำรวจเคยไปสอบแล้วไม่ติด จึงมาเป็นครู  และในวันรับปริญญาของแฟน เกิดอารมณ์ชั่ววูบ อยากแต่งเครื่องแบบตำรวจเพื่อไปเซอร์ไพรส์แฟนสาว เพราะในงานรับปริญญาเห็นคนอื่นในงานใส่เครื่องแบบตำรวจมารับปริญญาแฟนหลายคน จึงคิดว่าทำบ้างน่าจะดี แค่อยากเซอร์ไพรส์และทำคอนเทนต์เล่นๆ เท่านั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทราบหรือไม่ว่าประชาชนทั่วไปไม่สามารถแต่งเครื่องแบบตำรวจได้ ชายคนดังกล่าว ตอบว่า ตนเคยเห็นในงานแสดงหมอลำ ในละครก็เห็นเขาใส่ เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหาพร้อมชี้แจงกรณีที่เงินโอนค่าชุดไม่เข้าว่า ตอนนั้นคิดว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว แต่ระหว่างจะกลับไปเอาบัตรที่รถ แฟนโทรมาเร่งให้รีบกลับ เพราะโกรธที่หายไปนาน ด้วยความรีบร้อนจึงขับรถออกจากร้านไปโดยไม่ตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากนำชุดไปใส่เซอร์ไพรส์แฟนแล้ว ตนก็รีบนำชุดมาคืนทางร้านเพราะพนักงานโทรมาแจ้งว่าจะดำเนินคดีหากไม่คืน สุดท้ายได้พูดคุยตกลงกับร้าน โดยร้านไม่เอาเรื่อง ตนจึงยอมชดใช้ค่าเช่าชุดและค่าเสียหายของทางร้านรวมเป็นเงิน 20,000 บาท

ชายคนดังกล่าว บอกอีกว่า “ผมอยากขอโทษแฟนสาว ขอโทษร้านเช่าชุด และขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่าน ที่ทำไปเพราะอยากให้แฟนดีใจเท่านั้นไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเป็นราว ตอนนี้ได้สติแล้ว เข้าใจว่าการแต่งเครื่องแบบของหน่วยงานใด ๆ หากเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่จริง ๆ ถือว่าผิด และไม่ควรทำอย่างยิ่ง”