ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 มีผู้เสียหายรายหนึ่งร้องเรียนผ่านสื่อและโซเชียลมีเดีย หลังรถจักรยานยนต์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประจันตคาม ตรวจยึดเนื่องจากท่อเสียงดัง ถูกเก็บรักษาไว้ในสถานีตำรวจ แต่เมื่อผู้เสียหายมาติดต่อขอรับคืนกลับพบว่ารถถูกถอดชิ้นส่วนสำคัญจนเหลือเพียงโครงและชิ้นส่วนไม่ครบถ้วน
ผู้เสียหายระบุว่า หลังการตรวจยึดได้พยายามนำเอกสารมาชำระค่าปรับและขอรับรถคืน แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถยังไม่เข้าระบบ จึงไม่สามารถให้รับคืนได้ และเมื่อขอดูสภาพรถ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ตรวจสอบ ต่อมาจึงพบภาพก่อนถูกยึดที่รถยังอยู่ในสภาพปกติ ขณะที่ภาพหลังการยึดซึ่งเก็บไว้ในพื้นที่ที่จัดเก็บของสถานี กลับแสดงให้เห็นสภาพถูกชำแหละเสียหาย
นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังตั้งข้อสังเกตว่ากล้องวงจรปิดบริเวณจุดจอดรถในวันที่เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งหรือถอดออกไป ซึ่งเพิ่มความสงสัยว่าชิ้นส่วนรถอาจถูกนำออกไปภายในพื้นที่ของสถานีตำรวจเอง ทั้งนี้ ผู้เสียหายตั้งข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการควบคุมและการเก็บรักษาทรัพย์สินที่ยึดไว้โดยเจ้าหน้าที่
ระหว่างการตรวจสอบยังพบผู้เสียหายอีกหลายรายที่แจ้งว่า รถจักรยานยนต์ที่ถูกตรวจยึดถูกถอดชิ้นส่วน เช่น ล้อ ถังน้ำมัน เรือนหัวฉีด ปั๊มเบรก และไฟท้ายหายไปจากสภาพเดิม
พ.ต.อ.ชวลิต สุธรรมมาจารย์ ผกก.สภ.ประจันตคาม ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขึ้นไปปีนบริเวณรั้วในช่วงกลางคืน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนยืนยันข้อเท็จจริง เบื้องต้นยอมรับว่ารถที่อยู่ในการครอบครองของสถานีตำรวจได้รับความเสียหาย ตำรวจต้องรับผิดชอบตามข้อเท็จจริงและกำลังเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ด้านนักกฎหมายสาธิตความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า กรณีการยึดรถจากการฝ่าฝืนที่มีโทษปรับสถานเดียว อาจไม่เข้าข่ายคดีอาญาที่ตำรวจมีอำนาจจับกุมตามกฎหมายใหม่ที่ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องอำนาจการยึดและการเก็บรักษาทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่
ผู้เสียหายระบุว่าจะติดตามเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากผลการตรวจสอบไม่เป็นที่พึงพอใจ จะดำเนินการร้องเรียนหน่วยงานต้นสังกัดต่อไป เพื่อเรียกคืนความเป็นธรรมและเรียกร้องค่าเสียหายจากการสูญหายของชิ้นส่วนรถที่เกิดขึ้น
#ยึดรถ #ซากรถ #โหนกระแส