จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ กลุ่มชายฉกรรจ์และมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนกำลังมีปากเสียงกับช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ โดยในคลิปจะเห็นได้ว่าชายสวมเสื้อสีเขียว พยายามเข้าไปในรถยนต์ส่วนตัวแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา แต่มีผู้หญิงเข้าไปห้าม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่จังหวัดจันทบุรี เวลา 18.05 น. ของวันที่ 11 พฤษภาคม 2568
เหตุการณ์ต้นเรื่อง เกิดมาจากช่วงบ่ายของวันเดียวกัน กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นสองคนได้นำรถจักรยานยนต์เข้ามาภายในอู่ ให้ตรวจเช็กว่าค่าซ่อมอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ หลังจากนั้นช่างจึงแจ้งราคาว่าถ้ารื้อเช็กขอคิดค่าแรงช่าง 300 บาท ทางผู้ที่นำมาซ่อมก็รับทราบ จากนั้นช่างจึงได้ทำการรื้อเครื่องยนต์เพื่อตรวจสอบอาการเสียพร้อมกับแจ้งราคาว่าค่าซ่อมจะอยู่ประมาณ 5,000 -7,000 บาท แต่ต้องเช็กให้ละเอียดอีกที
หลังจากนั้นวัยรุ่นสองคนได้โทรกลับไปบอกเจ้าของรถ คาดว่าจะเป็นเจ้าของแผงทุเรียน เสียงตอบกลับมาคือ “ยังซ่อม” แล้วโอนเงินค่าแรงมาให้ลูกน้องเพื่อจ่ายให้กับช่างจำนวนเงิน 300 บาท หลังจากนั้นไม่นาน ทางเจ้าของรถได้สั่งให้ทางช่างประกอบเครื่องยนต์คืน ช่างจึงบอกว่าขอคิดค่าประกอบรถอีก 200 บาท แล้วต้องรอคิวอีกสักพักเนื่องจากมีรถติดคิวหลายคัน หลังจากนั้นลูกน้องโทรไปรายงานเจ้าของรถ ทางเจ้าของรถเกิดการไม่พอใจต่อว่าทางโทรศัพท์ ทางช่างกลัวเกิดปัญหาจึงตัดสินใจคืนเงินจำนวน 300 บาทให้กับวัยรุ่นที่นำรถมาซ่อมทันที
เวลาผ่านไปไม่นาน กลุ่มวัยรุ่นที่นำรถมาซ่อมพร้อมกับบุคคลหญิงชายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของรถ เข้ามาที่อู่พร้อมโวยวายโต้เถียง โดยมีใจความสำคัญว่าจะไม่จ่ายเงินค่าประกอบอีก 200 บาท ต่อว่าทางอู่ว่าหากินแบบไม่ถูกต้อง จนเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาท ปรากฏตามในคลิปซึ่งมีภรรยาของช่างเป็นผู้ถ่ายคลิปไว้ ในจังหวะที่ถ่ายคลิปผู้ชายสวมเสื้อเขียวพยายามกลับเข้าไปในรถเอื้อมหยิบสิ่งของอะไรบางอย่างออกมา (แต่มีพยานเห็นว่าเป็นอาวุธปืน) จากนั้นเมื่อหญิงที่มาด้วยกันคาดว่าเป็นภรรยาของชายเสื้อเขียวหันไปเห็นกล้องวงจรปิดจึงห้ามไม่ให้นำปืนออกมาก่อเหตุ ซึ่งเป็นไปตามคลิปเหตุการณ์
หลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ ซึ่งเป็นเขตที่เกิดเรื่อง แต่เจ้าหน้าที่ ที่รับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ ไม่อยู่ จึงนัดให้ไปในเช้าวันนี้ แต่เมื่อไปถึงโรงพักเจ้าหน้าที่ไม่อยู่อีก บอกว่าไม่ได้เข้าเวรจะเข้ามารับเรื่องช่วงบ่ายของวันนี้ (12 พฤษภาคม 2568)
จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับบุคคลที่ปรากฏในคลิปที่ทางอู่ซ่อมรถกล่าวถึง ทราบว่าบุคคลในคลิปที่เป็นผู้หญิง อายุ 43 ปี และผู้ชาย อายุ 49 ปี เป็นเจ้าของแผงรับซื้อทุเรียนอยู่ในพื้นที่เขตเนินสูง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ขณะขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าไปพบ ทั้งหมดกำลังตัดทุเรียนอยู่ภายในสวนแห่งหนึ่ง
โดยทางหญิง อายุ 43 ปี เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรอให้มีนักข่าวติดต่อเข้ามา เนื่องจากอยากจะอธิบายอยากจะชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ไม่อยากให้ฟังความฝ่ายเดียว พร้อมเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุลูกน้องของตนได้นำรถจักรยานยนต์ไปให้ช่างตรวจดูอาการและตีราคาค่าซ่อมที่อู่ดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงช่างก็เช็กแล้วรื้อรถเพื่อตรวจดูอาการเสีย ช่างตีราคาค่าซ่อมประมาณ 6,000 -7,000 บาท ซึ่งตนคิดว่ามันแพงเกินไป ลูกน้องตนมีรายได้น้อย กินค่าแรงเพียงแค่วันละ 400-500 บาท และถ้าจะซ่อมก็ต้องเบิกเงินตนไปก่อน แล้วค่อยหักจากค่าแรงรายวัน ตนจึงบอกว่าไม่ต้องซ่อม ให้นำรถกลับมา เผื่อรู้จักกันกับอู่พรรคพวกจะได้เสียค่าซ่อมไม่แพง ลูกน้องจึงบอกว่ามันมีค่ารื้ออีก 300 บาท ตนจึงให้สามีโอนเงินไปให้ 300 บาททันที
หลังจากนั้นช่างก็บอกกับลูกน้องตนว่า ถ้าจะให้ประกอบกลับตอนนี้ไม่ได้ต้องรอคิวอีก 9 คัน ถึงจะมาประกอบรถให้ และยังมีค่าประกอบคืนอีก 200 บาท รวมเป็น 500 บาท หลังจากตนได้ยินก็รู้สึกว่า ลูกน้องถูกเอาเปรียบ เพราะไม่ได้แจ้งราคามาตั้งแต่แรก เพราะตอนรื้อออกรื้อได้ แต่ทำไมตอนประกอบจะประกอบกลับมาให้ไม่ได้ ตนจึงโมโหแทนลูกน้อง และเดินทางไปบริเวณร้านดังกล่าว
ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ในคลิปมีการโต้เถียงกัน ทางฝ่ายพ่อของช่าง ออกมาโวยวายว่ามีอะไรกัน แล้วเดินเข้าไปในห้องจากนั้น “ทำท่าทางเหมือนว่าหยิบอะไรเหน็บมาทางด้านหลัง” ในมือถือเหล็กงัดยางออกมาจะทำร้ายพวกตนด้วย แต่มีผู้หญิงคนที่ถ่ายคลิปมาห้ามไว้ ต่อมายังมีการหยิบเหล็กแป๊บจะเข้ามาทำร้ายอีก ตนไม่มีอาวุธอะไรไป จึงทำท่าขึ้นไปที่รถเหมือนจะหยิบอะไรออกมา แต่จริงๆ แล้วตนไม่มีอะไรเลย ถ้าฝ่ายนั้นบริสุทธิ์ใจ ก็ให้เปิดกล้อง เปิดคลิปเสียง ฟังดูเลยว่าใครเป็นคนพูดเรื่องปืนก่อน ตนเห็นทางนั้นทำท่าเหมือนไปหยิบปืน ตนจึงทำท่าทางคล้ายไปหยิบอะไรออกมาบ้าง แต่ไม่มีอะไร ยืนยันว่าฝ่ายตนไม่ได้มีปืนไป อยากให้สังคมเข้าใจอยากจะอธิบายว่าทุกคนมีอารมณ์ได้ แต่อยากให้มาถามทั้งสองฝั่งว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าตนจะไปขู่จะไปหาเรื่องเขาอย่างเดียว
ด้านเจ้าของรถที่นำรถไปซ่อมให้ข้อมูลว่า ขณะนั้นตนนำรถไปให้ช่างเช็กว่าจะเสียค่าซ่อมเท่าไหร่ เมื่อช่างตีราคามาแพง จึงโทรไปปรึกษากับเจ๊ก่อน เจ๊จึงแนะนำว่าไม่ต้องซ่อมเดี๋ยวนำไปซ่อมที่อื่น เมื่อให้ประกอบก็มาคิดค่าแรงเพิ่มอีก 200 บาท ยืนยันว่าถ้าบอกค่าแรงทั้งหมดตั้งแต่แรกก็ไม่เกิดปัญหา ซึ่งหากฝั่งคู่กรณีแจ้งความตนก็พร้อมสู้ทุกกรณี