ขอความเป็นธรรม พ่อค้าไก่ปิ้ง ถูกตำรวจซ้อมจนปอดฉีก ผู้กำกับบอกวิ่งชนโต๊ะเอง เมียเผย โรงพยาบาลแรก พอรู้ว่าถูกซ้อมมา ไล่กลับบ้าน ไม่รับรักษา

รายการโหนกระแสวันนี้พูดคุยกรณี ภรรยาและญาติของ พ่อค้าไก่ปิ้ง อายุ 42 ปี ใน จ.เลย  มาขอความเป็นธรรม ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหิน จำนวน 5 นาย จับกุมตัว ฐานเมาแล้วขับ ก่อนนำตัวไปที่โรงพัก แต่กลับมาส่งบ้านในสภาพสะบักสะบอม ได้รับบาดเจ็บกลับมา โดยพ่อค้าไก่ปิ้งบอกว่าถูกตำรวจซ้อม

คุณหนิง ภรรยาเล่าว่า ปกตินายสันติ ผู้เป็นสามีจะดื่มเหล้าขาวหลังปิดร้าน ไม่ได้กินจนเมาไม่รู้เรื่อง จะมีสติอยู่ตลอด วันเกิดเหตุมีปากเสียงกัน จนภรรยาตัดสินใจหนีออกจากบ้านไป  

คุณตุ่ม ผู้เห็นเหตุการณ์ หลังภรรยาออกจากบ้านไป นายสันติ ขี่รถจักรยานยนต์ ด้วยความเมา ไปตามหาเมียที่หนีไป  แต่มาจอดบริเวณหน้าร้านของชำ จู่ๆ มีตำรวจ 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นผู้บาดเจ็บสภาพเมา จึงขอตรวจค้นและนำตัวไปนั่งที่เก้าอี้ร้านขายของชำ บอกว่าจะจับกุมฐานเมาแล้วขับ แล้วตามกำลังเสริม เอารถกระบะมารับตัวไป ตอนจับขึ้นรถก็ดูใช้กำลังรุนแรง เพราะนายสันติบอกว่าตนไม่ได้เมาแล้วขับ พยายามขัดขืน แต่ตำรวจก็บังคับเอาตัวขึ้นรถไปจนได้ 

จนผ่านไปช่วงเที่ยงคืน เห็นตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่ง รูปร่างท้วม ขี่รถจักรยานยนต์มาส่งผู้บาดเจ็บที่หน้าบ้าน ลูกชายผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นผู้พิการ เห็นพ่อกลับมาบ้านในสภาพสะบักสะบอม จึงพาพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ แต่พอเจ้าหน้าที่ถามว่าไปโดนอะไรมา พอบอกว่าถูกตำรวจซ้อม เขาไล่กลับบ้านเลย ไม่รักษาให้ 

ญาติผู้บาดเจ็บอีกคนเล่าว่า หลังทราบเรื่อง ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น จึงรีบพาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลอีกแห่ง โดยมีลูกชายผู้บาดเจ็บไปด้วย แพทย์รีบนำเข้าห้องฉุกเฉินและทำการเจาะปอดทันที จากนั้นรีบส่งตัวไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ซึ่งผู้บาดเจ็บตอนนี้อาการปลอดภัย พูดคุยได้ไม่มาก หน้าตาปูเขียว ลำตัวมีรอยฟกซ้ำ บอกว่าโดนตำรวจ 5 นาย จับใส่กุญแจมือและซ้อมที่โรงพักจนบาดเจ็บสาหัส และจำหน้าตำรวจได้แต่ไม่รู้จักชื่อและยศ

จนช่วงเย็นวันที่ 29 มิ.ย.67 มีรอง ผกก. คนหนึ่ง พาตำรวจที่ก่อเหตุมาเยี่ยมโดยมาตัวเปล่า และไม่มีการขอโทษแต่อย่างใด ไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนั้นก็กลับไป ส่วนญาติได้รับแจ้งจากตำรวจว่า เจ้าหน้าที่ขอเป่าแอลกอฮอล์แต่ผู้บาดเจ็บขัดขืนต่อสู้ แล้ววิ่งหนีไปชนประตูจนได้รับบาดเจ็บเอง

ภรรยาหลังทราบเรื่องรีบกลับมาบ้าน ไปสอบถามจากโรงพักหนองหิน ทางผู้กำกับ อ้างว่าสามีวิ่งอาละวาดในโรงพัก ชนโต๊ะ ชนตู้ ชนกระตู จนบาดเจ็บเอง ส่วนร่องรอยต่างๆ ตามร่างกาย ก็ถูกภรรยาทำร้ายมา ตนก็งงว่า จะถูกตนทำร้ายได้ยังไง ในเมื่อตนทะเลาะกับสามีเมื่อวันที่ 26 แล้วออกจากบ้านไปเลย มีตั๋วรถโดยสารเป็นหลักฐาน ว่าเดินทางออกไปจากบ้าน แต่สามีมาบาดเจ็บตอนวันที่ 28 มิ.ย. ซึ่งตนไม่อยู่

ญาติๆ พยายามถามหากล้องวงจรปิด ผู้กำกับบอกว่าไม่มีกล้อง โรงพักเราไม่มีกล้องวงจรปิด งบสนับสนุนก็มาไม่ถึงโรงพักเรา ถามตำรวจนายไหนก็ไม่มีคนบอกว่า มีกล้องตรงไหนบ้าง จนมีญาติไปตามหาจนเจอว่ามีกล้องทั้งหมด 5 ตัว หันหน้าเข้าไปทางเสาธงหน้าโรงพัก

ด้าน นายสันติ โฟนอินมาเล่าว่า วันที่ถูกจับกุมไป ตนขี่รถมาซื้อบุหรี่ จอดรถกำลังนั่งพันบุหรี่อยู่หน้าบ้านญาติ ตำรวจสายตรวจเขาขี่รถมาเจอ เขาจะมาจับอ้างว่าเมาแล้วขับ ตอนแรกตนไม่ยอมไป เพราะบอกว่าตนไม่ได้ขับขี่ แต่เขาก็ยังบังคับยัดตนเข้ารถ บังคับให้เป่าแอลกอฮอล์ ณ เวลานั้นตนก็ยอมรับว่าว่าเมา แต่ไม่ได้เมาจนไม่มีสติ แล้วก็จับใส่กุญแจมือ ปิดไฟทำร้ายร่างกายรุนแรง แถมยังขู่จะยิงอีกด้วย

ขณะที่ นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามา ยืนยันว่า การที่ผู้เสียหายให้การว่า โรงพยาบาลในพื้นที่ไล่ ไม่ยอมรับผู้ป่วย เพราะคนเจ็บบอกว่าถูกตำรวจซ้อม เรื่องนี้จะไม่ปล่อยผ่าน จะต้องให้สาธารณสุขจังหวัด ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงลงไปตรวจสอบ ว่ามีการไปทำแบบนั้นจริงหรือไม่ ได้อย่างไร 

ส่วนโรงพยาบาลต่อๆ มา ที่รับตัวผู้ป่วยไว้ มีเวชระเบียนส่งมาถึงตนเรียบร้อย มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลจังหวัดเลย ซึ่งในเรื่องนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ถ้าไม่มีคนยอมรับผิด ก็ต้องไปดูกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล ถ้ายังไม่ได้เรื่อง ตนจะไปดูเอง