ภาคต่อ "มินตรา" ยิ่งคุ้ยยิ่งเจอ ผู้เสียหายถูกสาวแสบรายนี้หลอกให้รัก "ชุตินันท์" บอก งานแต่งล่มแล้ว

หลังจากเมื่อวานนี้ รายการโหนกระแสนำเสนอเรื่องราวของ “มินตรา” หรือ “สุวนันท์” สาวแสบเจ้าของหมายจับ 6 หมาย ในคดีฉ้อโกง และลักทรัพย์ ที่ออกมาหลอกเหยื่อผ่านแอปหาคู่ ลวงให้ “ทิพย์” สาว LGBTQ หลงรัก ก่อนโอนเงินให้มินตราไปเป็นล้าน สุดท้ายหมดเนื้อหมดตัว ก่อนมาเจอภาพพรีเวดดิ้งของ มินตรา กับ สาว LGBTQ อีกคนหนึ่ง ทั้งที่ตอนนั้นยังคบกับทิพย์อยู่ สุดท้ายทิพย์เลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง จนทำให้ครอบครัวต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรม

รายการโหนกระแสวันนี้ ยังได้พูดคุยกับผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่ล้วนเป็นสาว LGBTQ ที่ถูก “มินตรา” คนนี้หลอกลวงเหมือนกัน โดยใช้สตอรี่เดียวกัน อ้างความน่าสงสารต่างๆ นานา กุเรื่องว่าเป็นเจ้าของร้านกาแฟ และหลอกลวงขอเงินจากคนที่เข้ามาชอบและคบหา

คนแรกคือ คุณมุก เล่าว่ารู้จักกับ มินตรา คนนี้ผ่านทางแอปหาคู่แอปเดียวกันกับ คุณทิพย์ ผู้เสียชีวิต หลังจากรู้จักกันได้ 3 วัน เขาก็นัดเจอ แล้วมีการมาพูดคุย บอกว่าชีวิตน่าสงสารอะไรต่างๆ นานา มีปัญหาต้องใช้เงินเร่งด่วน ร้องห่มร้องไห้ จนเราสงสารและยอมโอนเงินให้ หมดไปหลายแสน

สิ่งที่ผู้เสียหายทุกคนเล่าเหมือนกัน คือ มินตรา ไปโกหกว่า พ่อเป็นนักการเมืองใหญ่ระดับรัฐมนตรี แต่แม่เป็นบ้านเล็ก จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ ว่าพ่อเป็นใคร ส่วนตัวมินตราชอบอ้างว่าตัวเองทำธุรกิจสีเทา เรื่องหวย เรื่องโต๊ะบอล จึงไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินด้วยตัวเองได้ ทำให้เวลารับเงินโอนจากเหยื่อ จะเป็นบัญชีชื่อต่างๆ กันไป ยิ่งพอเรื่องโป๊ะออกมา มีกลุ่มผู้เสียหายไปสืบ จนรู้ว่าจริงๆแล้ว พ่อเขาทำอาชีพขับรถสิบล้อ

ชีวิตส่วนตัวที่มินตรามักจะอวดอ้างในโลกออนไลน์ จะใช้ชีวิตติดแกรม ใช้ชีวิตหรูหรา ถ่ายรูปลงว่าอยู่ที่ร้านกาแฟประจำ ซึ่งเป็นร้านที่เขาไปแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่สุดท้ายก็คือเป็นแค่ลูกค้า ที่ไปตีสนิทเจ้าของร้าน แล้วก็ไปหลอกเจ้าของร้านกาแฟว่าจะมาทำธุรกิจด้วย พ่อเป็น สส. อะไรต่างๆ นานา ก่อนที่เจ้าของร้านเขาเอะใจ สุดท้ายก็รู้ว่าไม่ใช่ความจริง

คุณกวาง  อีกหนึ่งผู้เสียหายที่เคยเจอวีรกรรมของ “มินตรา” หรือ “สุวนันท์” คนนี้ ได้เห็นเรื่องราวผ่านรายการโหนกระแสแล้วจำได้ว่าเป็นคนเดียวกันที่มาหลอกตน จึงติดต่อมาเพื่อเล่าประสบการณ์ของตนให้ฟังว่า

คุณกวางได้รู้จักมินตรา เมื่อราวๆ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 ผ่านแอปฯ ทินเดอร์  จากนั้นก็มีทักพูดคุยกันทางไอจี เคยเจอตัวจริงประมาณ 2-3 ครั้ง ซึ่งตัวจริงกับภาพในทินเดอร์แตกต่างกัน 

ช่วงที่รู้จักกันแรกๆ ไปส่องไอจี มินตราคนนี้มักจะโพสต์ว่าตัวเองร่ำรวย นั่งรถยนต์หรู  พอคุยกันอ้างว่า พ่อเป็นรัฐมนตรี แต่ขายหวยใต้ดิน ซึ่งตนรู้สึกแปลกๆ เลยไปหารือเพื่อนๆ เพื่อนก็ว่า ผู้หญิงไม่น่าจะโอเค 

ตอนคุยกัน มินตราชอบพูดว่า ชอบดื่มกาแฟ เขาอยากจะทำธุรกิจกาแฟ ซึ่งตรงกับเรื่องราวของ “ทิพย์” ผู้เสียชีวิต และมีการนัดไปเจอกันที่งานที่เกี่ยวกับกาแฟ  ก็ไปพบเพื่อนสนิทของมินตรา อีกคนหนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็คุยกันเยอะมากขึ้น ช่วงที่คุยกัน มินตรา มักจะขอเงินตนเล็กๆ น้อยๆ เวลาสั่งอะไรมากิน ก็จะให้ตนเป็นคนจ่าย

ตอนนั้นตนชอบเขา ก็เลยจ่ายให้ไป แต่ละครั้งก็เป็นเงินหลักพัน แต่หลังๆ รู้สึกว่ามาขอบ่อยเกินไป ก็เลยไม่ได้ให้ 

ต่อมาอีกเหตุการณ์ จู่ๆ มินตรามาร้องไห้ อ้างว่า ต้องการเงิน 3 หมื่นบาทไปคืนเจ้าหนี้ ซึ่งตนก็งงว่า ทำไมมายืมกับตน เลยทักไปว่า เธอไม่มีเพื่อนเหรอ ทำไมเธอถึงจะมายืมเงินเราล่ะ เธอเพิ่งรู้จักกับเราเองนะ 

ตอนแรกตนก็อยากโอนให้ แต่พอไปหารือกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ทุกคนก็บอกตนว่า อย่าไปให้ยืม เพราะเพิ่งรู้จักกัน ทำให้ตนไม่กล้าโอนเงินให้ไป  ที่ตนทักมาเล่าเรื่องนี้ให้โหนกระแสฟัง เพราะว่า เพื่อนๆดูรายการเมื่อวานแล้วจำได้ว่า เป็นคนเดียวกัน จึงอยากให้ตนมาให้ข้อมูลกับรายการโหนกระแส ซึ่งเฉพาะกลุ่มที่ตนรู้จักก็มีหลายคนเจอเหมือนกัน หลักพันยันหลักแสน แต่บางคนก็อายไม่กล้ามาให้ข้อมูล เพราะกลัวว่าทางบ้านจะรู้

ขณะที่ชุตินันท์ คนที่ปรากฏอยู่ในภาพพรีเวดดิ้งคู่กับ มินตรา โฟนอินเข้ามาในรายการอีกครั้ง บอกว่า หลังเรื่องราวเป็นข่าวขึ้นมา พยายามติดต่อหามินตรา ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้อีกแล้ว เขาบล็อกเราไปแล้ว 

เมื่อพี่หน่วง ถามว่า แล้วงานแต่งจะยังไงต่อ ทำเอา ชุตินันท์ ถึงกับเงียบไปเลย ลักษณะจุกพูดไม่ออก จนพี่หน่วงต้องปลอบใจว่า ไม่ต้องร้อง รู้ตัววันนี้ ยังดีกว่ามารู้ตอนที่แต่งไปแล้ว

ชุตินันท์บอกว่า กำหนดเดิมต้องแต่งวันที่ 321 ธันวาคมนี้ เตรียมงานไว้ 90% แล้ว แต่สุดท้ายมาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ คนในครอบครัวก็ให้กำลังใจ

สินสอดในงานแต่ง ไม่ได้มีอะไรเลย มีแค่แหวนแทนใจที่มินตราบอกว่าจะซื้อให้เรา โดยให้ทิพย์เป็นคนเลือกให้ แต่ทางคุณนิด พี่สาวของทิพย์ ผู้เสียชีวิตเล่าความจริงอีกด้านว่า แหวนวงนี้ เป็นแหวนที่ทิพย์ซื้อให้มินตรา แล้วมินตราเอาไปหลอกชุตินันท์ต่อ  ใบประกันแหวนยังอยู่กับตนอยู่เลย

ยิ่งได้ฟังเรื่องทั้งหมด ชุตินันท์ยิ่งช็อกหนัก ซึ่งทนายแก้ว ก็ให้ข้อแนะนำทางกฎหมายอีกว่า การสืบสวนสอบสวน อาจจะมีบางส่วนที่ต้องเรียกชุตินันท์ไปสอบด้วย ก็อยากให้ไปให้การกับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองด้วย