รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันกรณีเด็กสาวรายหนึ่งซึ่งถูกพ่อแท้ๆ ที่เป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ปฏิเสธความสัมพันธ์ ทำเหมือนลูกตัวเอง “ไม่มีตัวตน” ทั้งที่เด็กมีความฝันและความต้องการที่จะศึกษาต่อ
โดยคุณเพียว เจ้านายของแม่เด็ก เล่าว่า เด็กหญิงคนนี้หรือ “น้องหนู” ถูกเลี้ยงดูโดยแม่ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานที่ร้านนวดแผนโบราณ โดยคุณเพียวให้เข้าทะเบียนบ้านตัวเองเพื่อให้น้องได้สิทธิ์เรียนใกล้บ้าน และคอยดูแลเหมือนคนในครอบครัว
เดิมทีน้องหนูไม่เคยรู้ว่าพ่อคือใคร กระทั่งเมื่อแม่เริ่มป่วย และไม่มีรายได้พอจ่ายค่าเทอมที่ค้างไว้ น้องเรียนจบ ม.3 แต่ไม่มีใบวุฒิเพื่อสมัครเรียนต่อ แม่จึงบอกให้ลองติดต่อพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยให้ข้อมูลจากสูติบัตร
เมื่อคุณเพียวค้นหาชื่อจาก Google พบว่าพ่อของน้องเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ที่มีภาพลักษณ์ดีในสื่อ และมักมอบทุนช่วยเหลือเด็กอื่น แต่เมื่อประสานงานไป หน่วยงานกลับไม่อนุญาตให้พบ และบ่ายเบี่ยงว่า “จะติดต่อกลับ”
แม้จะพยายามติดต่ออีกหลายครั้ง ในที่สุดได้เจอหน้ากัน เด็กหญิงแสดงความตั้งใจเรียนต่อ โดยวางแผนเปลี่ยนไปเรียนสายอาชีวะเพื่อทำงานควบคู่ แต่กลับถูกตอบปฏิเสธไม่ช่วยเหลือ พร้อมกำชับไม่ให้ติดต่ออีก
ขณะที่ ผู้เป็นพ่อติดต่อผ่านทีมงานรายการ บอกมาเพียงว่า ไม่สะดวกจะเข้าสายโฟนอิน แต่ให้ข้อมูลว่า ตอนที่น้องยังเด็กมากๆ เคยดูแลโดยพาลูกไปให้น้อง ซึ่งเป็นแพทย์ ช่วยเลี้ยงดู อยู่ที่ชลบุรี ไปทั้งแม่-ลูก อยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน แม่หอบลูกหนีไปเลย บอกว่าจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น แม่เด็กทำสิ่งที่ตนรับไม่ได้ จากนั้นก็บล็อกการติดต่อกันทุกช่องทาง ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ตอนที่ลูกมาหา 2 ครั้ง ที่ให้กลับไป เพราะเป็นสถานที่ราชการ ไม่ควรจะมาคุยเรื่องแบบนี้ในที่ทำงาน ถามว่าช่วยเหลือค่าเล่าเรียนได้ไหม ก็กำลังจะช่วย แต่เงินเก็บของตนหมดไปเกือบ 2 ล้านบาท เอาไปใช้รักษาตัวเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ยังไม่ได้ข้อสรุปในการจ่ายเงินให้เด็ก
ปัจจุบันตนมีภรรยา มีทะเบียนสมรส เมียหลวงตั้งใจจะฟ้องร้องแม่ของน้องหนูด้วย แต่ตนเป็นคนห้ามไว้ สิ่งที่ตนไม่พอใจคือ ทำไมถึงให้คนอื่นมาคุย คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง ในเมื่อเป็นเรื่องในครอบครัว
สุดท้ายในรายการ เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดที่ไม่สามารถหาข้อสรุปจากผู้เป็นพ่อได้ พี่หน่วงบอกว่า ทางสปอนเซอร์ ได้แก่ M-150 และ ดัชมิลล์ มอบเงินช่วยเหลือ สนับสนุนน้อง รายละ 2 หมื่นบาท รวมเป็น 4 หมื่นบาท เอาไว้รักษาแม่ ส่วนเรื่องค่าเทอม ค่าเล่าเรียน พี่หน่วงเสนอให้น้องกลับไปตัดสินใจว่าจะเรียนอะไร
เพราะถ้าน้องยังอยากจะเป็นทนายความ อยากให้มาเรียนสายสามัญ ส่วนถ้าตั้งใจจะทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย จะเรียนสายอาชีพ ก็ได้เช่นกัน ซึ่งค่าเล่าเรียน พี่หน่วงจะเป็นผู้รับผิดชอบให้จนเรียนจบ ซึ่งก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ทุกเคสที่ตนจะช่วยได้ แต่เคสนี้ตนได้ฟังเรื่องราวแล้วอยากจะช่วยเหลือเท่านั้นเอง