ผอ.ร่ำไห้ พร้อมเยียวยาครอบครัว นร.ที่ถูกไฟดูดเสียชีวิต หลังจบคดี จะรื้อตู้น้ำทิ้งเลย

จากกรณีเกิดเหตุนักเรียนชายชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ถูกไฟดูดเสียชีวิตคาตู้ทำน้ำเย็น ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดตรัง ขณะที่โรงเรียนกำลังจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสี เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้นักเรียนกว่า 300 คน เดินทางมาเรียนตามปกติ ขณะที่ครู อาจารย์ ผู้บริหาร และบุคลากรของโรงเรียนทั้งหมด ต่างร่วมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาว สีดำ เพื่อไว้ทุกข์ให้แก่การจากไปของนักเรียนชายชั้น ม.2 โดยทุกคนยังอยู่ในความเสียใจ และขวัญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมกันยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย

ผู้อำนวยการโรงเรียน ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและร่ำไห้ว่า ตนย้ายมาเป็นประจำที่โรงเรียนแห่งนี้ได้เกือบ 2 ปีแล้ว โดยตู้ทำน้ำดื่มนี้ติดตั้งมานาน และไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว เดิมมีแนวคิดจะซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม เพื่อให้นักเรียนมีน้ำใช้ โดยตั้งงบไว้ประมาณ 100,000 บาท

แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้เสียก่อน ก็จะไม่ซ่อมแล้ว จะรื้อทิ้งเลย เพียงแต่ตอนนี้ยังเป็นวัตถุพยานทางคดี ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบตามขึ้นตอนของกฎหมายให้แล้วเสร็จก่อน จากนั้นจะเร่งตั้งคณะกรรมการตามระเบียบราชการเพื่อรื้อทิ้งต่อไป

ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ส่วนครูทุกคนก็ช็อกกันหมดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้บอกกับครอบครัวน้องไปว่า ตนเสียใจ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้ว ก็ต้องเดินหน้ากันต่อ โดยน้องผู้เสียชีวิตยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคน เรียนอยู่ชั้น ม.4 ตนตั้งใจว่าจะดูแลพี่ชายของน้องจนจบชั้น ม.6

เมื่อคืนก็ได้หารือกับ ผอ.เขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 13 ตรัง กระบี่ ว่าจะสนับสนุนให้พี่ชายของน้องได้เรียนต่อจนถึงระดับปริญญาตรี โดยจะดูแลทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการเยียวยา บรรเทาทุกข์ ตามสมควร

ในวันเกิดเหตุถ้าไม่มีใครเห็นภาพจะไม่รู้ว่าวันนั้นมีฝนตก แล้วก็ลมพัดแรง สภาพพื้นที่ใกล้กับตู้ทำน้ำเย็นเต็มไปด้วยน้ำฝน จึงเกิดไฟรั่วออกมา ตอนนี้ตัดสายไฟที่เกี่ยวข้องกับตู้นี้ออกทั้งหมดแล้ว ไม่เป็นอันตรายแล้ว

สำหรับนักเรียนทั้งหมดก็ไม่ได้ดื่มน้ำจากตู้นี้ แต่ซื้อน้ำดื่มจากร้านค้าสวัสดิการของโรงเรียน ขวดละ 4 บาท เนื่องจากสภาพน้ำของโรงเรียนที่นี่มีหินปูน มีสนิมจำนวนมาก หากไม่มีระบบกรองน้ำที่ได้มาตรฐาน จะไม่ปลอดภัย จะเป็นอันตรายกับนักเรียน จึงตัดสินนำน้ำที่สะอาดกว่า ปลอดภัยกว่า มาให้นักเรียนได้ดื่มกินแทนน้ำในตู้