กลายเป็นมหากาพย์ทวงหนี้ หลังจากที่ ‘ลูกหมี รัศมี’ ออกมาทวงเงินจาก ‘ปู มัณฑนา’ ต่อมามีเจ้าหนี้อีกหลายรายแสดงตัว รวมถึง คุณอ้อม ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด คุณอ้อม หนึ่งในเจ้าหนี้ได้เผยกับสื่อมวลชน โต้คู่กรณีว่าไม่ได้มีอาชีพปล่อยกู้ตามที่ถูกคู่กรณีกล่าวอ้าง โดย คุณอ้อม เล่าว่า ครั้งแรกที่ให้ยืม เป็นการช่วยเหลือกัน เนื่องจากเขามีความจำเป็นต้องใช้เงิน เราก็เลยช่วยเหลือไป ครั้งต่อมาเขาก็ขัดสนอีกและเข้ามายืมเงินอีก เราจึงบอกกับเขาไปว่าเราไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้นะ เพราะที่ให้ไปในครั้งแรกนั้นแค่อยากช่วยเหลือ
ครั้งแรกที่เขายืมเงินไป เขามีการเสนอให้เอง 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคิดว่าไม่ได้เป็นยอดที่เยอะก็เลยให้ยืม แต่ครั้งต่อๆ มาก็ปฏิเสธ เขาก็เลยเริ่มพูดถึงเรื่องการลงทุนทำธุรกิจ ทำคอลลาเจน เขาเล่าว่าธุรกิจนี้ที่ทำกับเพื่อน ได้ปันผลดีมาก และไม่กี่วันต่อมาเขาก็ได้ชักชวนให้ร่วมลงทุนทำคอลลาเจน ซึ่งเขาอ้างว่ามีลูกค้าสั่งของเยอะขึ้น ทุกครั้งที่จะคุยกันก็จะคุยเรื่องธุรกิจ สุดท้ายก็ร่วมลงทุนกับเขาไป ไม่ได้มีการปล่อยกู้ตามที่ถูกอ้างเลย
ทนายฝั่งเขาบอกว่ามีการจ่ายดอกเบี้ยทบต้นทบดอก ซึ่งมันไม่ใช่การจ่ายดอกเบี้ย มันเป็นการลงทุนทำคอลลาเจน มันเป็นปันผลตอบแทนที่เขาจะต้องให้อ้อม ในหลักฐานมีรายละเอียดครบเลยว่าจะมีการปันผลให้เท่าไหร่ พูดแบบนั่นมันไม่ใช่
“ที่เขาบอกว่าเป็นดอกเบี้ยที่ส่งมา แต่อ้อมไปให้เขาเขียนในข้อความว่าเป็นปันผลเป็นแบ่งกำไร ที่เขาพูดเช่นนี้มันไม่ถูก และยิ่งมาบอกที่พี่ลูกหมีให้เขาเซ็นกระดาษเปล่า บอกว่าอ้อมให้เขาเขียนเป็นปันผลเขาก็เขียน เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งเขาไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ ที่จะให้เขียนอะไรก็เขียน ให้เซ็นอะไรก็เซ็น มันฟังไม่ขึ้น”
เขามีพฤติกรรมชอบกล่าวอ้างถึงบุคคลที่ 2-3 หรือกล่าวอ้างอย่างไรก็ได้เพื่อที่จะได้เงินมา มีบุคคลที่เขาแอบอ้างที่เป็นผู้ใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งยอดนี้อ้อมไม่ได้ให้ยืม เพราะอ้อมไม่เชื่อ และคิดว่าบุคคลนั้นคงไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับเขา เพราะเขาเป็นแค่ดารา และสามีเขาก็เป็นแค่ผู้สมัคร สส. ท่านหนึ่ง ถ้าหากอ้อมพูดไปสามีจะรับทราบพฤติกรรมภรรยาเขาไหมว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ แต่อ้อมจะยังไม่โชว์เพราะสามีเขารู้สึกผิด ใจเย็น และเขาไม่ได้ออกมาฟาดกับเจ้าหนี้เหมือนครั้งแรก
อยากจะบอกว่า มีอะไรก็ให้เล่าให้สามีและทนายฟังทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนช่วยคุณ และฝากถึงทนายฝั่งลูกหนี้ว่า “อย่ารับรองพฤติกรรมเขาเยอะ เพราะเป็นห่วง ขนาดสามีที่อยู่บ้านด้วยกันทุกวัน ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ทราบพฤติกรรมของภรรยาเขาทั้งหมด”
คนที่พูดความจริงเขาจะเอาหลักฐานออกมาโชว์ แต่เขาไม่เคยเอาหลักฐานออกมาโชว์ว่าเป็นตามอย่างที่เขาพูดไหม มีแต่น้ำตาที่เขาเอาออกมา น้ำตาช่วยไม่ได้ หลักฐานและความจริงเท่านั้นว่าใครเป็นคนพูดจริง เพราะฉะนั้นถ้าจะพูดพาดพิงต้องเอาหลักฐานมาโชว์ด้วย
ถ้าหากทางคุณปูอยากจะไกล่เกลี่ยจริงๆ ให้มาคุยกับตน ไม่ต้องส่งบุคคลที่ 3 มา ถ้าหากส่งมาจะไม่ไกล่เกลี่ย หรือให้บุคคลที่ 3 ถือเงินมาคืนเลย เพราะทางไกล่เกลี่ยที่ดีที่สุดคือการคืนเงิน เพราะเขาทราบอยู่แล้วว่าเราร่วมลงทุนด้วย ถ้าหากได้เงินคืนเรื่องก็จะจบ อ้อมไม่ได้อยากมีเรื่องราวอะไร ส่วนยอดเงินที่จะต้องคืน คือจำนวน 1,160,000 บาท ส่วนหลักฐานที่นำมา อ้อมจะยังไม่โชว์ แต่ถ้ายังพูดโกหกอ้อมจะเอาหลักฐานนี้มาเปิด
ยืนยันว่าตนไม่ได้อยากให้เขาไม่มีที่ยืนในสังคม ตนอยากให้เขามาคุยกับเจ้าหนี้ อย่าเลือกจะยืนบนหัวเจ้าหนี้อีกต่อไป ยอมรับความจริง อ้อมเชื่อว่าประชาชน คนติดตาม แม้กระทั่งเจ้าหนี้ทุกคนก็พร้อมที่จะให้อภัยเขา เพราะว่าอาชีพเขาต้องอาศัยความศรัทธาจากประชาชน
แต่ถ้าเขายังดันทุรังว่าเป็นผู้ถูกกระทำ เดี๋ยวเขาจะไม่มีที่ยืนเอง และหยุดพฤติกรรมกล่าวอ้างบุคคลที่ 2-3 ถ้ายังรักลูก สามี และครอบครัว พูดความจริงกับเขาทั้งหมดว่ามีพฤติกรรมเป็นอย่างไร ถ้าเขาพาดพิงและเอ่ยถึงตนอีก รวมถึงทนายของเขาด้วย เอ่ยได้ แต่ต้องเอาหลักฐานออกมา ถ้าเป็นความจริงจะไม่ตอบกลับ แต่ถ้ายังใส่ไฟตน คนทั้งประเทศจะได้รู้กันเลยว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร
ด้าน ‘ทนายกุ้ง’ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เคสคุณอ้อมได้มีการแจ้งความไว้แล้วที่ สน.ทองหล่อ ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. ข้อหาฉ้อโกง เพราะธุรกิจที่บอก ตรวจสอบแล้วว่ามันไม่มีอยู่จริง เรื่องนี้เป็นการร่วมลงทุน เรื่องผลกำไรก็เป็นไปตามที่เสนอมา แต่แจ้งความไว้แล้ว
ที่มา : ข่าวสด