โดยหนุ่มนนกุล เล่าว่า ก่อนเจอกันในกองก็รู้จักพี่เขามาก่อนอยู่แล้ว เจอเขาในทีวี เจอเขาในหนังพระนเรศวร เห็นมาตั้งแต่ผมเด็กๆ พี่เขาสวยมาก แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันเลย ไม่เคยมีโอกาสเจอกันส่วนตัว จนมาเจอกันครั้งแรกในละคร ได้เวิร์กช็อป ตอนเดินมาพี่เขาเดินหน้าสด รู้สึกว่าทำไมพี่เขาสวยจัง ส่วนตัวรู้สึกว่าสวยกว่าในทีวีซะอีก
ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่จะได้เล่นกับนักแสดงที่เจนประสบการณ์ แต่ไม่ได้ใจเต้นโครมครามหรือตื่นเต้น ตอนนั้นไม่ได้คิดไม่ซื่อ ถ้าผมคิดไม่ซื่อ ผมไม่กล้าโทรชวนพี่เขา อยากรู้ว่าพี่เขาจะกล้าเล่นฉากเลิฟซีนกับเราแค่ไหน ก็คือชวนทดลองเป็นแฟน 15 นาทีต่อวัน เราตีเป็นเวิร์กช็อป ซึ่งผมก็จะเขียนรายละเอียดเลย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะอึดอัด ผมเขียนไปว่า คุยกันประมาณ 15 นาที หัวข้ออ้างอิงตามตัวละคร สถานการณ์ ก็ต่อบทไปเรื่อยๆ ก็บอกว่าให้ตามฟีลตัวละคร ตอนคุยกันก็เรียกชื่อตัวละคร เล่นจริงตามบทบาท แต่เห็นพี่เขาบอกว่าช่วงหลังๆ ก็เกิน ตนก็แบบ เกินเหรอ
พอตอนที่เริ่มรู้สึกว่ามันพิเศษ ก็ไม่ได้ตกใจ เพราะค่อนข้างจะเคลียร์ความรู้สึกตัวเองประมาณหนึ่ง ว่าเรารู้สึกดีกับพี่เขา มันก็อยู่ที่หนทางแล้วแหละว่าเราจะสานต่อยังไง หลังจากที่ถ่ายละครเสร็จก็ชวนไปกินข้าวกัน ดูหนังกัน
เมื่อถามถึงช่วงแรกที่คนความสัมพันธ์ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวก็ตอบว่า
ไม่ได้รู้สึกหนักหน่วงอะไรอาจจะเพราะเป็นผู้ชายด้วย อายุน้อยกว่าด้วย พี่เขาอาจจะมีความกังวลบ้างเล็กน้อย แต่จะเป็นความกังวลจากคนใกล้ๆ ตัว แต่พอพี่เขาบอกคนรอบๆ ไป คนรอบๆ ตัวเขาก็โอเค พี่เขาก็โอเคเลย
ส่วนกระแสลบที่คนมองว่าผู้หญิงวัยนี้แล้ว ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว มองว่าอย่างไร เจ้าตัวก็บอกว่า ถ้าแคร์เรื่องนี้คงไม่คุยกับพี่เขาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ ส่วนพี่เขาถ้าคนรอบตัวพี่เขาโอเค สิ่งเหล่านี้มันก็โอเค
นอกจากนี้ยังเล่าถึงกฎกติกาในการอยู่ร่วมกัน ว่าถ้าไม่เหนื่อยจนเกินไปอย่างน้อยวันละครั้งขอให้ได้คุยกันตอนกลางคืนก่อนนอน และถ้าเกิดมีเรื่องที่งอน ทะเลาะ ขอให้ได้คุยกันอย่าเพิ่งไปนอน ทิ้งไว้ข้ามคืนมันหมักหมมแล้วไประเบิดทีเดียว ตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปแก้ไขยังไง คุยทีละประเด็น ทีละวัน ให้มันเคลียร์จะได้ไม่ต้องมาเคลียร์ทีหลัง
เมื่อถามว่ามีความขี้หึงขี้หวงกันไหม นนกุล ก็บอกว่า มีบ้างตาม หึงเลิฟซีนบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนทะเลาะกัน เป็นนักแสดงทั้งคู่มันเข้าใจในหน้าที่การงานซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงแพลนภายใน 3 ปี ในการก้าวหน้าความสัมพันธ์ โดยให้เหตุผลว่า มันเป็นช่วงอายุของพี่เขา ถ้าใน 3 ปี เรายังไม่สามารถขึ้นสถานะเป็นแฟนได้ เพราะถ้าเป็นแฟนปุ๊บการแต่งงานก็จะเร็ว แต่ถ้า 3 ปีแล้วมันยังไม่ถึงขั้นนั้น ก็ไม่อยากให้พี่เขาเสียเวลา 3 ปีอาจจะไม่ได้นานมาก แต่มันก็นานพอที่จะทำให้รู้ซึ่งกันและกัน และตัดสินใจกันได้ในบางอย่าง แต่ถ้ามันเร็วกว่า 3 ปีได้ก็อยากแต่งงานและมีลูก
โดยทิ้งท้ายถึงหวานใจด้วยว่า "คิดถึงนะครับ หวังว่าจะได้เจอกันไปเรื่อยๆ ได้อยู่ด้วยกันเรื่อยๆ อย่างนี้ไปอีกนานๆ นะครับผม"