รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี แม่ค้าร้านขายเครื่องสำอาง โพสต์คลิปแฉ อ้างว่าถูก”มาเฟียเจ้าที่” ในย่านสำเพ็ง ข่มขู่คุกคาม ทำให้ขายของไม่ได้ เพราะไม่ยอมจ่ายค่าที่ ขณะที่คู่กรณีโต้ แค่มาทวงเงินค่าเช่าที่ หลังทำสัญญากันแล้ว
โดย คุณกิ๊ฟ ฝ่ายแม่ค้าที่ร้องเรียน เล่าว่า ตนเช่าตึกตรงที่เกิดเรื่องเป็นอาคารพาณิชย์หลายคูหา โดยตนเช่าตึกตรงนี้ และเชื่อว่าตรงทางเท้าก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่ตนใช้งานได้ เพราะเช่าตึกแล้ว ทำสัญญาแล้ว แต่ปรากฏว่ามีคนมาตั้งแผงขายของขวางทางเข้าออกร้าน ตนก็อยากจะตั้งแผงขายตรงหน้าตึกของร้านเราเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่า คนที่มาขายก่อนหน้า ใครเป็นคนอนุญาตให้ขาย
ตอนแรกไม่รู้ว่าต้องจ่ายเงิน เข้าใจว่าตรงนี้เป็นถนนสาธารณะ ตอนแรกมีแผงของพ่อค้าขายบุหรี่ไฟฟ้ามาตั้ง ก็แจ้งเขาว่าจะขอพื้นที่หน้าร้าน แต่พ่อค้าบอกว่า เขาเช่าจากป้าคู่กรณีอีกทีเดือนละประมาณ 2 หมื่นบาท ตนก็เลยเอาแผงมาตั้ง แล้วรอดูว่าใครจะมาเคลียร์ สุดท้ายก็มีคนขายตุ๊กตาเดินมาถามว่า จะเอา 2 ล็อกนี้ใช่ไหม ล็อกละ 1 หมื่นบาท ฝ่ายตนก็ต่อรอง ขอล็อกละ 8,500 บาทได้ไหม เขาก็บอกว่าให้ไปคุยกับเจ้าของที่เอง เขาให้เบอร์โทรมา เป็นชื่อ “หลี่จิง” เราโทรไปคุยต่อรองขอล็อกหน้าตึกเรา เหลือ 8,000 บาท รวม 2 แผงเป็นเงิน 16,000 บาท ทั้งที่ตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจ่ายเงินทั้งที่เป็นที่สาธารณะ
แต่ 2 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้จ่ายเงินค่าเช่าให้ เพราะยังขายไม่ดี ทำให้ป้าคู่กรณีมากลั่นแกล้งทั้งให้คนต่างด้าวมาตั้งแผงขายปิดบังหน้าร้าน ถึงขนาดเอาตุ๊กตาหมีมาวางกั้น จนตนไม่สามารถขายของได้
เหตุการณ์ช่วง 5 ทุ่ม ของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ขณะที่ คุณกิ๊ฟ เจ้าของร้านขายเครื่องสำอางกำลังจัดหน้าร้าน ก็มีป้าคนหนึ่ง ชื่อ “เจ๊เหลียง” เข็นรถขายของมาชนสินค้าของตนเสียหาย และยังเข็นรถมาชนตนด้วย ก่อนจะตั้งรถเข็นหน้าร้าน พร้อมกับตะโกนว่า "มาดูเร็ว คนหน้าด้านจะมายึดแผงเขา" แม่ค้าร้านเครื่องสำอางจึงตะโกนกลับว่า "มาดูเร็ว เจ้าถิ่นมาเฟีย" แล้วคู่กรณีก็เข็นรถอีกคันมาพูดใส่หน้าเจ้าของร้านว่า "มองหน้าหาส้น ... เหรอ" "มึงรีบไปเลย" แล้วก็โต้เถียงกันเรื่องการเก็บค่าเช่าที่ ซึ่งป้าที่เอารถมาจอดบอกว่า ตกลงกันแล้วฝ่ายเจ้าของร้านบอก ตนไม่มีสิทธิตัดสินใจ ขอเวลาก่อน สุดท้ายไปจบที่ สน.จักรวรรดิ ตนไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เพราะได้รับบาดเจ็บฟกช้ำบริเวณแขน และเอ็นข้อเท้าอักเสบ จากการโดนรถเข็นชน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาประมาณตี 4 เจ๊เหลียง มาตามหาคุณกิ๊ฟ ที่ร้าน และข่มขู่ว่ายังไม่ให้ตั้งแผงนะ ถ้าตั้งจะมีปัญหา ก่อนจะเดินจากไป กระทั่ง 2 วันที่ผ่านมา ตนจึงตัดสินใจนำเครื่องสำอางมาวางแผงขายบนถนนอย่างเต็มรูปแบบ จนมาเกิดเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุยังโดนข่มขู่ว่า "จะกลับมาเล่นงานจนตนไม่สามารถขายที่นี่ได้อีก"
เมื่อคืนที่ผ่านมาราว 4 ทุ่ม ยังให้คนมานั่งขวางหน้าร้านจนถึงตี 3 ทำให้ตนขายของไม่ได้อีก หวังว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นทางกรุงเทพมหานครและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะลงมาช่วยเหลือแก้ปัญหานี้
ขณะที่เจ๊เหลียง ก็เล่าในมุมของตนเองว่า ตนตั้งแผงขายของที่นี่มานานกว่า 28 ปี แม่ค้าขายเครื่องสำอางเพิ่งมาเช่าตึกได้ 2 เดือน และต้องการมาเช่าแผงของตน 2 แผงในราคาเดือนละ 16,000 บาท แต่ไม่ยอมจ่ายแม้แต่บาทเดียว พอไปถามก็บ่ายเบี่ยง บอกแค่ไม่มีเงิน แถมอ้างว่าเป็นพื้นที่สาธารณะใครก็สามารถมาตั้งแผงขายได้ ทำไมต้องจ่าย มีสิทธิ์ที่จะตั้งแผงขายทั้งหน้าตึกและหลังตึก แล้วก็ตั้งแผงตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง ตี 4พร้อมทั้งยืนยันตนไม่ใช่มาเฟีย แค่ทวงสิทธิ์ของตน
ร้านค้าที่ใกล้กับร้านขายเครื่องสำอาง ยอมรับว่า การจะวางของขายหน้าร้านฝั่งถนนมหาจักพรรดิ์ ต้องจ่ายค่าเช่าเช่นกัน เป็นการตกลงพูดคุยเช่าแผงกับเจ้าของเก่าเดือนละ 8,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่พูดคุยตกลงกันเอง ไม่ได้มีมาเฟียแผงค้า
ขณะที่ นายชัยวัฒน์ รังษีภโนดร ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ ระบุว่า จุดที่เป็นปัญหานี้ เป็นจุดผ่อนผันให้ทำการค้าและมีผู้ค้าขึ้นทะเบียนกับทางเขตไว้ 86 ร้านค้า มีชื่อ มีที่อยู่ทั้งหมด ทางเขตไม่อนุญาตให้เปลี่ยนมือ ไม่อนุญาตให้ส่งต่อ และไม่อนุญาตให้เพิ่มจำนวนไปจากนี้ มีแต่ลด ไม่มีเพิ่ม เปลี่ยนมือไม่ได้ ให้เช่าช่วงต่อไม่ได้ แม้แต่จะส่งต่อให้ทายาทก็ทำไม่ได้
ส่วนการจะขายให้ถูกต้องได้ ต้องรอผลการประเมินช่วงประมาณ เดือน มิ.ย. 68 นี้ ว่าจุดนี้จะเป็นพื้นที่ทำการค้าได้หรือไม่ ซึ่งระหว่างนี้ ถ้าผู้ค้าเขามีปัญหากัน ก็ให้ไปตกลงกันให้ดี ตกลงกันให้ได้ ถ้าตกลงไม่ได้ ก็ต้องเอาออก แต่ไม่ได้หมายความว่า เอาแผงเดิมออก แล้วจะเอาแผงใหม่มาวางแทน ไม่มีสิทธิ์
แต่ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา เดี๋ยวเราให้เจ้าหน้าที่ไปไล่เช็กแต่ละร้านค้า ว่าคนที่มาขายเป็นผู้ค้าที่ขึ้นทะเบียนไว้หรือเปล่า ถ้าไม่ตรงก็จะต้องดำเนินการห้ามขาย รอดูช่วงมิถุนายนนะครับ ว่าจุดนี้จะผ่านการประเมินเป็นจุดทำการค้าหรือเปล่า ถ้าไม่ผ่านก็ต้องบังคับไปตามกฎหมาย ก็ต้องห้ามขายทั้งหมด