จากกรณีปรากฏแชตของ พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ ในไลน์กลุ่ม ศปก.น. 2566 มีสมาชิก 393 คน ระบายความรู้สึกอัดอั้น นำเรียนถึง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ถึงเรื่องถูกบีบให้ลงตู้ม้าในพื้นที่ และเรื่องให้ไปขอเงินพระวัดปากน้ำ ซื้อโดรนตรวจการณ์ ของโรงพัก ทำให้ข้อความดังกล่าวถูกส่งต่อจนเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง
ต่อมา ผบช.น.สั่งตั้งคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุสร้างความเสื่อมเสียต่อ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรและทางราชการ ทาง พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ จึงได้นำพวงมาลัยเข้าขอขมาต่อ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 โดยให้เหตุผลว่า ตนขอสำนึกผิดที่ขาดวิจารณญาณ ประกอบกับมีความเครียด ความกดดันเรื่องงาน และได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจากผู้ไม่หวังดี มาโจมตีผู้บังคับบัญชาให้ฟัง โดยที่ตัวเองไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน จึงโพสต์ข้อความลงในกลุ่มไลน์ไป แต่เมื่อฟื้นคืนสติได้แล้ว ก็รีบลบข้อความออกทันที ไม่คิดว่าจะมีใครแคปหน้าจอไปลงในโซเชียล
ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ลงนามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 209/2567 ลงวันที่ 19 มิ.ย. เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ และรักษาราชการแทน ภายหลังแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ใจความระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2567 เวลาประมาณ 23.00 น. ด้วยกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่ง ที่ 203/2567 ลงวันที่ 14 มิ.ย.2567 พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ ได้โพสต์ข้อความลงในไลน์ จำนวน 2 กลุ่ม โดยมีเนื้อหาในทางเสื่อมเสียต่อ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และทางราชการเป็นอย่างมาก
จากกรณีดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้รับผิดชอบงานจเรตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผลการตรวจสอบยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่ พ.ต.อ.ไพโรจน์ กล่าวอ้าง แต่อย่างใด และเนื่องจากการโพสต์ข้อความของ พ.ต.อ.ไพโรจน์ มีมูลความผิดทางวินัยตำรวจ ในเรื่องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งการในหน้าที่ราชการโดยชอบโดยกฎหมาย และระเบียบของทางราชการ ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการมีความเห็นทางคดี หรือการตรวจพิสูจน์ โดยไม่ขัดขืน หรือหลีกเลี่ยง ไม่รักษาระเบียบการเคารพตามสายการบังคับบัญชา ยศ และตำแหน่ง
ไม่สุภาพเรียบร้อยรักษาความสามัคคี และต้องช่วยเหลือกันในการปฏิบัติราชการ ระหว่างข้าราชการตำรวจด้วยกัน และผู้ร่วมปฏิบัติราชการ, กระทำการอันเป็นเหตุให้แตกความสามัคคี ระหว่างข้าราชการตำรวจ และกระทำการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้งกัน, รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา และประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร อีกทั้งยังปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการออกคำสั่งให้ข้าราชการในสังกัด ปฏิบัติราชการ ซึ่งเป็นการขัดต่อระเบียบที่เกี่ยวข้อง และไม่มีความชัดเจนในการปฏิบัติ
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 66 และ มาตรา 108 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2564 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566
จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งต้นสังกัด เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน และมอบหมาย พ.ต.อ.กิตติพงศ์ พันธ์ศรี รอง ผบก.น.9 รักษาราชการแทน ผกก.สน.ภาษีเจริญ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง